Knowledge Center

แชร์! วิธีการเปิดร้านค้า SHOPEE ผ่าน SHOPEE Seller ได้แบบง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน

แม่ค้าออนไลน์

หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ออนไลน์ การสมัครเป็น SHOPEE Seller ถือเป็นอีกช่องทางที่ตอบโจทย์ เนื่องจากในปัจจุบัน SHOPEE ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ซื้อกว่า 50 ล้านคนต่อเดือนในประเทศไทย พร้อมระบบการขายที่ครบวงจรและเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดขาย หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยายช่องทางการขาย วันนี้ MyCloud จะพาคุณไปดูขั้นตอนการเปิดร้านค้าบน SHOPEE แบบละเอียดทุกขั้นตอน พร้อมเทคนิคที่จะช่วยให้ร้านของคุณโดดเด่นและสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้กัน 

SHOPEE Seller คืออะไร 

SHOPEE Seller คือระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ SHOPEE พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Seller Centre ซึ่งจะมาพร้อมเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการสินค้า การจัดส่ง การตลาดและการวิเคราะห์ยอดขาย นอกจากนี้ ยังรองรับการขายผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ทำให้ผู้ขายสามารถบริหารร้านค้าได้ทุกที่ทุกเวลา 

ขั้นตอนการสมัครสมาชิกเป็น SHOPEE Seller 

การเริ่มต้นเป็นผู้ขายบน SHOPEE นั้นทำได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย มาดูกันเลยว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ดังนี้ 

เปิดร้านผ่าน SHOPEE Seller

1. สมัครสมาชิก SHOPEE

เริ่มต้นที่วิธีการสมัครสมาชิก โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ SHOPEE และคลิกไปที่เมนู ‘สมัครใหม่’ จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-สกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็สมัครสมาชิกเสร็จแล้วเรียบร้อย    

2. ตั้งค่าร้านค้าบน Seller Centre 

หลังจากเป็นสมาชิกของ SHOPEE แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการตั้งค่าร้านค้า โดยเข้าสู่แท็บเมนูทางด้านซ้าย ‘Seller Centre’ เพื่อทำการตั้งค่าร้านค้า ทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับขั้นตอนนี้ แนะนำให้ตั้งชื่อร้านค้าที่โดดเด่น แต่ยังเป็นที่จดจำง่าย จากนั้นอัปโหลดรูปภาพหรือวิดีโอ โดยสามารถใส่รูปภาพได้ถึง 5 ภาพเลย สุดท้ายใส่รายละเอียดร้านค้า เช่น ประวัติร้านค้าที่น่าสนใจ จุดเด่นของสินค้าของคุณและรายละเอียดการให้บริการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้า    

3. เพิ่มรายการสินค้า 

หลังจากตั้งค่าร้านค่าแล้วเรียบร้อย ขัั้นตอนถัดมาก็จะเป็นการเพิ่มรายการสินค้า สามารถทำตามขั้นตอนได้ ดังนี้

  1. คลิกที่ ‘เพิ่มสินค้าใหม่’ จากนั้นใส่ชื่อสินค้า และเลือกหมวดหมู่สินค้าให้เรียบร้อย 
  2. ใส่ข้อมูลหรือรายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วน ได้แก่ รายเอียดสินค้า สี ไซส์ ค่าจัดส่ง ฯลฯ  
  3. หลังจากใส่ข้อมูลต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว แนะนำให้เพิ่มรูปภาพสินค้าเข้าไป ก็จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกรูปภาพที่มีความสวยงามและคมชัด อย่างน้อย 3 รูปภาพ 
  4. ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดสินค้าให้ดี จากนั้นคลิกที่ ‘บันทึกและเผยแพร่’ ก็ถือว่าเสร็จแล้ว

ข้อควรระวังสำหรับรายการสินค้าห้ามจำหน่ายบน SHOPEE  

อย่างไรก็ตาม การขายของออนไลน์บน SHOPEE ก็มีสินค้าต้องห้ามจำหน่ายเช่นกัน ถึงแม้จะลงสินค้าไปแล้ว แต่ถ้าเป็นรายการสินค้าต้องห้าม อาจทำให้ถูกระงับการขายได้ โดยสินค้าห้ามจำหน่าย มีดังนี้ 

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ 
  • สินค้าจากสัตว์ป่า
  • ปืน 
  • Sextoy 
  • ยาและสารเสพติดทุกประเภท
  • อาหารสด
  • หุ้น
  • สินค้าที่ถูกขโมยมา 

4. ตั้งค่าการจัดส่ง 

วิธีตั้งค่าการจัดส่งคลิกที่ ‘ตั้งค่าการจัดส่งของฉัน’ จากนั้นเลือกช่องทางการขนส่งที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกช่องทางการจัดส่งในระดับสินค้าได้ สามารถทำได้ ดังนี้

  • เข้าไปที่ ‘สินค้าของฉัน’ จากนั้นเลือกรายการสินค้าที่ต้องการ
  • คลิก ‘แก้ไข’ 
  • วิธีนี้จะช่วยให้คุณเลือกช่องทางการจัดส่งสินค้าชิ้นนี้ได้โดยเฉพาะ 

นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบบริการจากบริษัทขนส่งที่ SHOPEE รองรับได้ โดยมีให้เลือกทั้งบริการแบบ Drop-off และแบบ Pick-up   

6 เทคนิคกระตุ้นยอดขายสำหรับร้านค้าบน SHOPEE 

เพื่อกระตุ้นยอดขายหลังจากเปิดร้านใหม่ เรายังมีเทคนิคที่จะช่วยให้คุณได้คำสั่งซื้อแรกมาฝากกันอีกด้วย  

1. ตั้งราคาที่สามารถแข่งขันได้ 

ศึกษาตลาดและเปรียบเทียบราคาสินค้าของคุณกับร้านคู่แข่ง เพื่อกำหนดราคาสินค้าให้สามารถทำการแข่งขันได้ ทั้งนี้ ก็มีข้อควรระวัง เช่น หากตั้งราคาสูงเกินไปก็อาจจะขายไม่ได้ หรือตั้งราคาที่ถูกจนเกินไปก็อาจจะขาดทุนได้   

2. กรอกรายละเอียดสินค้า หมวดหมู่รายละเอียดให้ครบถ้วน 

ตั้งชื่อสินค้า รายละเอียดต่าง ๆ หมวดหมู่ของสินค้าให้ถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา หากตั้งได้ถูกต้องและครบถ้วนก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้าอีกด้วย   

3. โปรโมทสินค้า 

เทคนิคสุดท้าย คือการใช้ฟังก์ชันการโปรโมทสินค้า เพื่อให้สินค้าของคุณแสดงผลลัพธ์อยู่ในหน้าแรกของการค้นหา โดยสามารถโปรโมทสินค้าได้ครั้งละ 5 ชิ้น ทุก ๆ 4 ชั่วโมง 

4. สร้างโค้ดส่วนลด

เข้าไปที่เมนู ‘Marketing Centre’ แล้วไปที่ ‘สร้างโค้ดส่วนลดใหม่’ เพื่อกระตุ้นและดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้มากขึ้น 

5. เข้าร่วมแคมเปญกับทาง Shopee

เข้าร่วมแคมเปญของ Shopee เป็นโอกาสทองสำหรับร้านค้าในการเพิ่มยอดขายและดึงดูดลูกค้าใหม่ แคมเปญสำคัญที่ไม่ควรพลาดได้แก่ Payday ทุกวันที่ 25-27 ของเดือน หรือจะเป็น Flash Sale ที่จัดขึ้นหลายรอบต่อวัน และแคมเปญใหญ่ที่มีตลอดทุกเดือนอย่างวันเลขเบิ้ลด้วยเช่นกัน การเข้าร่วมแคมเปญเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มจำนวนการเข้าชมร้านค้า และกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น แต่ก็จำเป็นต้องเตรียมสต๊อกสินค้าให้เพียงพอและวางแผนการจัดส่งให้รวดเร็วตามเงื่อนไขของแต่ละแคมเปญให้รัดกุมอีกด้วย 

แต่ไม่ต้องกังวลไป MyCloud Fulfillment เราช่วยคุณจัดการสต๊อกสินค้าได้แบบเรียลไทม์ รองรับออเดอร์จำนวนมากในช่วงแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยบริการคลังสินค้าที่เปิด 365 วัน ไม่มีวันหยุด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบOrder Management System (OMS) ที่ช่วยจัดการออเดอร์ได้ทันตามข้อกำหนด SLA ได้ และลูกค้าปลายทางได้รับสินค้าอย่างรวดเร็วแน่นอน  

โค้ดส่วนลดซื้อของออนไลน์

6. โปรโมทร้านค้าผ่านช่องทางอื่น ๆ 

สร้างการรับรู้และเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้า SHOPEE Seller ให้หลากหลายได้ผ่านช่องทาง Social Media อื่น ๆ เช่น Facebook, Instagram หรือ TikTok ในการนำเสนอสินค้าและสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ หรือทำ Content Marketing ผ่านบล็อกหรือเว็บไซต์ส่วนตัวก็เป็นอีกช่องทางที่ช่วยเพิ่ม SEO และดึงดูดลูกค้าได้ในระยะยาว และยังถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยขยายฐานลูกค้า และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย  

สรุปบทความ 

เริ่มต้นเป็น SHOPEE Seller สามารถทำได้ง่าย ๆ  ด้วยขั้นตอนการสมัครที่ไม่ซับซ้อนและไม่มีค่าใช้จ่าย ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ของตัวเองได้ทันที เพียงทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำไป ตั้งแต่การสมัครสมาชิก การตั้งค่าร้านค้า เพิ่มรายการสินค้า ไปจนถึงการตั้งค่าการจัดส่ง นอกจากนี้ การใช้เทคนิคกระตุ้นยอดขายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคาที่แข่งขันได้ การทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจ สร้างโค้ดส่วนลดและการโปรโมทผ่านหลากหลายช่องทาง จะช่วยให้ร้านค้าของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม SHOPEE ได้อย่างยั่งยืน เริ่มต้นวันนี้ คุณก็สามารถเป็นผู้ขายออนไลน์มืออาชีพได้แล้ว
หากธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นและมีออเดอร์จำนวนมาก การเตรียมความพร้อมเรื่องหลังบ้านถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณขายดีแต่ไม่สามารถจัดการออเดอร์ส่งได้ทันหรืออาจติดปัญหาต่าง ๆ เช่น คนแพ็คสินค้าไม่พอ ขนส่งไม่เข้ามารับออเดอร์ ปัญหาตรงนี้ก็อาจจะทำให้คุณสูญเสียรายได้และพลาดโอกาสในการขายได้เช่นกัน คลังสินค้าออนไลน์แบบครบวงจรที่ MyCloud Fulfillment ช่วย ซัพพอร์ตคุณในส่วนนี้ได้ทั้งเรื่องการจัดการออเดอร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ขนส่งเข้ารับพัสดุทุกวัน (จันทร์ – อาทิตย์) และยังมีระบบอัปเดตสต๊อกสินค้าให้พร้อมขายได้ทุก ๆ 3 นาที พร้อมระบบจัดการออเดอร์และระบบจัดการคลังสินค้าที่ครบครัน พร้อมทั้งฟีเจอร์การขายต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณเติบโตได้เหนือกว่าคู่แข่ง ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับการขายและการทำการตลาดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการหลังบ้าน ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]