Knowledge Center

เจาะลึก ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee ผู้ขายควรเข้าร่วมหรือไม่?

โปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee 

นักช็อปเคยสงสัยไหม ทำไมขึ้นว่าส่งฟรี แต่ยังต้องออกค่าส่ง? ผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าส่งเองหรือเปล่า? วันนี้ MyCloud มีคำตอบให้ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโปรแกรมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee เพื่อให้ผู้ขายได้ทำความรู้จักข้อดี ข้อเสียของโปรแกรม และตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมได้ต่อไป

สำหรับโปรแกรมส่งฟรีนั้น Shopee จะสนับสนุนค่าส่งฟรี ให้กับลูกค้าที่ใช้โค้ดส่วนลด กับร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาทสูงสุดจำนวน 40 บาทต่อออเดอร์ ซึ่งในกรณีที่สินค้าของคุณมีน้ำหนักเบาค่าส่งไม่เกิน 40 บาท ก็จะได้ส่งฟรี 100% ไปเลยค่ะ แต่ถ้าหากสินค้าหนัก หรือมีขนาดใหญ่ก็จะต้องออกค่าส่วนต่างเอง ซึ่งในส่วนนี้ค่าจัดส่งส่วนต่างจะถูกคิดไปกับจำนวนเงินที่ผู้ซื้อต้องชำระนั่นเอง ดังนั้นหายสงสัยกันได้แล้วนะคะว่าทำไมชื่อส่งฟรี แล้วไม่ฟรี!!

ผู้ซื้อถูกใจ ผู้ขายได้ประโยชน์ 

สำหรับผู้ซื้อจะได้สินค้าจากร้านที่เ้ขาร่วมโปรแกรม ทำให้ประหยัดค่าส่ง ซึ่งสินค้าจากร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีจะมีแถบของตัวเองโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ซื้อเข้าไปเลือกซื้อได้สะดวกมากขึ้น ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษดังต่อไปนี้

1. เพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย และสินค้าที่พบเห็นจากลูกค้าได้มากขึ้น

2. สำหรับร้านค้าที่ซื้อโฆษณา My Ads จะไดรับส่วนลดสูงสุด 50%

3. ลูกค้าสามารถใช้โค้ดส่งฟรีบนร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น นั่นหมายถึงลูกค้าจะเลือกคุณ

4. ได้รับสิทธิในการซื้อสล็อต Flash Sale แม้เป็นร้านค้าใหม่ และสามารถสร้าง Flash Sale บนร้านค้าของตัวเองได้โดยเฉพาะ

5. มีโอกาสเข้าร่วมแคมเปญ หรือโปรแกรมส่งเสริมการขายอื่น ๆ มากมาย รวมถึง Mega Campaign อย่าง 11.11 หรือ 12.12

6. สินค้าได้ติดแถบพิเศษ เพิ่มความโดดเด่น รวมถึงมีแท็บพิเศษสำหรับสินค้าส่งฟรีโดยเฉพาะ และยังได้แสดงสินค้าบน “สินค้าแนะนำประจำวัน” อีกด้วย

อยากเข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท จาก Shopee   

ร้านค้าสามารถเข้าร่วมได้โดยการกรอกแบบฟอร์มการสมัครที่หน้าหลังบ้าน Shopee แล้วรอรับการแจ้งเตือนผ่านแอพ Shopee ของผู้ขาย เพื่อยืนยันว่าขณะนี้ร้านค้าของคุณได้เข้าร่วมโปรแกรมแล้ว แต่สำหรับบางร้านที่ไม่ได้ทำการเข้าร่วมด้วยตัวเอง แต่สงสัยว่าทำไมถึงมีแบนเนอร์ส่งฟรีอัตโนมัติ นั่นเพราะว่า Shopee ทำการสุ่มให้ร้านค้าของคุณได้เข้าร่วมค่ะ ซึ่งจะมีการเก็บค่าบริการเหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นถ้าหากคุณไม่ได้ต้องการจะเข้าร่วมตั้งแต่แรก ต้องหมั่นคอยเช็คดูที่หน้าหลังบ้านให้ดีเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของร้านค้าของคุณเองนะคะ

คุ้มค่าน่าเข้าร่วมหรือไม่?

ค่าธรรมเนียมของโปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท 

สำหรับร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรีนี้ ต้องศึกษาค่าธรรมเนียมต่อไปนี้ให้ดีนะคะ จะได้เป็นประโยชน์ในการกำหนดราคา ซึ่งค่าธรรมเนียมของโปรแกรมจะอยู่ที่ 4% และไม่คิดจากการขายแต่ละออเดอร์นะคะ แต่จะคิดต่อชิ้น(สินค้า)แทน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ร้านค้าจะโดนหักค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (ทุกร้านต้องเสียอยู่แล้ว) เมื่อมีออเดอร์ 2% และเสียค่าธรรมเนียมการขายโปรแกรมส่งฟรี 99 บาทอีก 4% รวมเป็น 6% ของราคาสินค้าต่อออเดอร์ที่มีสินค้า 1 ชิ้นนั่นเองค่ะ ดังนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสินค้าที่คุณขายแล้วล่ะค่ะว่าหากหักลบค่าธรรมเนียมดังกล่าวแล้ว ยังสามารถตั้งราคาที่ไม่สูงมาก และยังสู้กับคู่แข่งได้อยู่หรือไม่ หากสินค้าของคุณได้กำไรต่อชิ้นน้อยอยู่แล้ว หรือเมื่อลดแล้วต้องเข้าเนื้อ ก็ไม่เหมาะกับโปรแกรมนี้เท่าไรค่ะ อย่างไรก็ตาม Shopee ยังมีโปรแกรมส่งเสริมการขายอื่น ๆ ที่น่าเข้าร่วมอีกมากมายรอให้คุณเลือกใช้ให้เหมาะกับร้านค้า และสินค้าของคุณอยู่ค่ะ 

สำหรับผู้ขายที่ได้ทดลองเข้าร่วมโปรแกรม ส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาท ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ แล้วไม่ถูกใจอยากจะออกจากโปรแกรม ก็สามารถทำได้ 2 ทาง ดังนี้ 1. ยกเลิกผ่านการกรอกแบบฟอร์มเหมือนกับตอนที่เข้าร่วม และ 2. ยกเลิกผ่านการติดต่อ Customer Service โดยตรง ซึ่งทั้งสองช่องทางต้องดำเนินการก่อนวันที่ 25 ของเดือนก่อนเริ่มที่ต้องการยกเลิก และต้องอยู่ในโปรแกรมมานานเกิน 30 วันก่อนยกเลิกด้วยนะคะ

คำแนะนำสำหรับร้านค้า 

โปรแกรมนี้เหมาะกับร้านค้าเปิดใหม่ ที่ยังไม่มียอดการมองเห็นมากนัก ซึ่งเมื่อเข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรี ก็จะมีโอกาสเพิ่มยอดการมองเห็น ยอดขาย และได้สิทธิเข้าร่วมโปรแกรมอื่น ๆ อีก โดยการตั้งราคาผู้ขายต้องคำนึงถึงราคาสินค้าที่บวกค่าธรรมเนียมแล้ว แล้วไม่สูงกว่าคู่แข่งมาก หรือถ้าหากเกินลองลบจากกำไรต่อชิ้นดูว่ายังขายได้สบาย ๆ อยู่ไหม ในกรณีที่คุณได้กำไรต่อชิ้นสูงอยู่แล้วก็หายห่วงได้เลยค่ะ

เข้าร่วมโปรโมชั่น ขายดีจนแพ็คไม่ทัน ทำยังไง? 

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ของลูกค้านั้นมีความหลากหลายอยู่มาก ดังนั้นการเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ อาจจะไม่สามารถการันตียอดขายของคุณได้แบบแน่นอนแต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ เลยก็คือ เป็นการเปิดโอกาสให้กับร้านค้าของคุณได้มียอดเข้าชม หรือ Traffic ที่มากขึ้น และนำไปสู่การเข้าร่วมแคมเปญส่งเสริมการขายอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายบน Shopee ที่ผู้เข้าร่วมส่งฟรีขั้นต่ำ 99 บาทเท่านั้นจะมีสิทธิ รวมถึงสร้างความแตกต่างให้กับร้านค้าของคุณด้วยแบนเนอร์ส่งฟรีที่ดึงดูดสายตาลูกค้าอีกด้วย ซึ่งนั่นก็นำไปสู่การเติบโตขึ้นของยอดขายและร้านค้าของคุณบน Marketplace ดังนั้นการเตรียมตัวรับมือกับการจัดการหลังบ้านเมื่อมีออเดอร์เพิ่มขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ร้านค้าต้องคำนึงถึงอีกด้วยค่ะ

ใช้บริการเก็บ แพ็ค ส่ง กับ MyCloudFulfillment

บริการ Fulfillment เก็บ แพ็ค ส่ง จาก MyCloud ช่วยให้ร้านค้าสบายใจ หมดปัญหาเรื่องการยกเลิกออเดอร์ หรือการจัดส่งที่ล่าช้า นำไปสู่ความไม่พึงพอใจของลูกค้าและคะแนนรีวิวที่ต่ำ ที่ส่งผลต่อการขายในอนาคต เราจัดการด้วยบริการ Fulfillment ที่ยืดหยุ่นควบคู่ไปกับการใช้ระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) และระบบจัดการออเดอร์ (OMS)ที่ช่วยจัดการพัสดุของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บสต็อก ให้มีสินค้าพร้อมขายอยู่เสมอ และสามารถหยิบแพ็คได้ในทันที รวมถึงการแพ็คจากทีมที่มีความเชี่ยวชาญ และสามารถ Customize ได้ตามใจ ไม่ว่าออเดอร์จะเยอะแค่ไหนก็สามารถรองรับได้ครบ จบในที่เดียว ช่วยให้สามารถจัดส่งได้ในวันเดียวกับที่มีออเดอร์เข้ามาอีกด้วย

ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยงานหลังบ้าน ในวันที่ร้านค้าของคุณกำลังเติบโตขึ้นไปอีกขั้น MyCloud ก็เป็นหนึ่งด้านการให้บริการ Fulfillment ที่พร้อมจัดการสต็อกสินค้าและออเดอร์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริการของเราที่มีความแตกต่าง และยืดหยุ่นสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุดอีกด้วยค่ะ 

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 02-138-9920
อีเมล: hello@mycloudfulfillment.com
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

โลจิสติกส์กุญแจสู่ความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ (Logistics & Online Business)

โลจิสติกส์สำหรับธุรกิจออนไลน์           โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมากในยุคที่เทคโนโลยี disrupt ให้พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก และต้องมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ มีการใช้เทคโนโลยี และการจัดการโลจิสติกส์ ห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรให้สามารถเเข่งขัน หรืออยู่เหนือคู่แข่งทางธุรกิจ เพื่อเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอดีตและปัจจุบัน           อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ในยุคที่มี Technology มา disrupt ทำให้ธุรกิจออฟไลน์ เปลี่ยนมาลงทุนและแข่งขันบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น กลายเป็น ธุรกิจ E-Commerce ดังนั้นอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์จึงมีการพัฒนาตามไปด้วยอยู่เสมอ เมื่อตลาด E-Commerce เติบโตขึ้น ธุรกิจโลจิสติกส์ต่างแข่งขันกันพัฒนา ด้วยการเพิ่มบริการที่เข้าไปช่วยธุรกิจได้มากขึ้น ทั้งการนำข้อมูลด้านโลจิสติกส์และ supply chain เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาบริการ อาทิ การวางแผนเส้นทางการเดินรถ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านขนส่ง กระจายสินค้า การใช้ GPS การปรับราคาบริการเพื่อลดต้นทุนให้ธุรกิจได้มากที่สุด หรือจุดเด่นด้านการขนส่ง จึงเน้นความเร็วเป็นหลักอีกด้วย […]

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในยุค Disruption ?

ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และหัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายนั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย  ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน หรือที่เรียกว่าออฟไลน์นั้น จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน นี่จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ที่ระบบกลางเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายต่อไป  แล้ว Omni Channel คืออะไร? Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า “Omni Channel” คือช่องทางการสื่อสารและบริการลูกค้าที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ เพื่อทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่าย รวดเร็วและไร้รอยต่อ เรียกได้ว่าเป็นการรวมการตลาดจากทุกช่องทาง ช่วยดึงลูกค้าจากร้านค้าไปปิดการขายในช่องทางออนไลน์ หรือลูกค้าจากหน้าร้านให้ไปทำการซื้อ-ขายกันในช่องทางออนไลน์ได้เช่นกัน  ถือเป็นการหยิบยื่นประสบการณ์การซื้อสินค้าของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพิ่มความสะดวกให้สามารถเข้าถึงการซื้อขายได้อย่างครอบคลุม โดยในปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Email Direct Marketing, Website, […]

โลจิสติกส์กุญแจสู่ความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ (Logistics & Online Business)

โลจิสติกส์สำหรับธุรกิจออนไลน์           โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมากในยุคที่เทคโนโลยี disrupt ให้พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก และต้องมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ มีการใช้เทคโนโลยี และการจัดการโลจิสติกส์ ห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรให้สามารถเเข่งขัน หรืออยู่เหนือคู่แข่งทางธุรกิจ เพื่อเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอดีตและปัจจุบัน           อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ในยุคที่มี Technology มา disrupt ทำให้ธุรกิจออฟไลน์ เปลี่ยนมาลงทุนและแข่งขันบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น กลายเป็น ธุรกิจ E-Commerce ดังนั้นอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์จึงมีการพัฒนาตามไปด้วยอยู่เสมอ เมื่อตลาด E-Commerce เติบโตขึ้น ธุรกิจโลจิสติกส์ต่างแข่งขันกันพัฒนา ด้วยการเพิ่มบริการที่เข้าไปช่วยธุรกิจได้มากขึ้น ทั้งการนำข้อมูลด้านโลจิสติกส์และ supply chain เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาบริการ อาทิ การวางแผนเส้นทางการเดินรถ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านขนส่ง กระจายสินค้า การใช้ GPS การปรับราคาบริการเพื่อลดต้นทุนให้ธุรกิจได้มากที่สุด หรือจุดเด่นด้านการขนส่ง จึงเน้นความเร็วเป็นหลักอีกด้วย […]

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในยุค Disruption ?

ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และหัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายนั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย  ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน หรือที่เรียกว่าออฟไลน์นั้น จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน นี่จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ที่ระบบกลางเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายต่อไป  แล้ว Omni Channel คืออะไร? Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า “Omni Channel” คือช่องทางการสื่อสารและบริการลูกค้าที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ เพื่อทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่าย รวดเร็วและไร้รอยต่อ เรียกได้ว่าเป็นการรวมการตลาดจากทุกช่องทาง ช่วยดึงลูกค้าจากร้านค้าไปปิดการขายในช่องทางออนไลน์ หรือลูกค้าจากหน้าร้านให้ไปทำการซื้อ-ขายกันในช่องทางออนไลน์ได้เช่นกัน  ถือเป็นการหยิบยื่นประสบการณ์การซื้อสินค้าของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพิ่มความสะดวกให้สามารถเข้าถึงการซื้อขายได้อย่างครอบคลุม โดยในปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Email Direct Marketing, Website, […]