Knowledge Center

3 สิ่งที่ต้องรู้ เพื่อให้ร้านค้าอยู่รอดในโลก E-Commerce แห่งอนาคต

          จากการขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการจะหันมาบุกตลาดออนไลน์หรือทำการตลาดออนไลน์ แต่ก่อนจะเจาะตลาดผู้ประกอบการต้องเข้าใจทิศทางตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ถ่องแท้เสียก่อนค่ะ เพราะในการขายออนไลน์มีรายละเอียดยิบย่อย และมีการจัดการที่แตกต่างจากการขายออฟไลน์ เพื่อให้ผู้ขายไม่เพียงแค่เพิ่มช่องทางการขายที่หลากหลายขึ้น แต่สามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นคงในระยะยาว เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่รอดในโลกของ E-Commerce ในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตใด ๆ ขึ้นอีก ตัวอย่างเช่น วิกฤต COVID-19 เป็นต้น

          เรายังอยู่กับสาระดี ๆ จากงาน MyCloud Press Conference 2020 ที่คุณเมฆ นิธิ สัจจทิพวรรณ Chief Executive Officer (CEO) ของเราได้นำเสนอมุมมองความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจออนไลน์จากวิกฤต COVID-19 (New Normal) และทิศทางการขายในโลกอนาคต รวมถึงสิ่งที่ต้องการเตือน!! ให้ผู้ประกอบการคำนึงถึง ที่หากเจาะลึกลงไปแล้วจะมี 3 สิ่งที่เราอยากให้ทำความเข้าใจเพื่อให้การขายออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยทั้ง 3 ข้อนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากข้อมูล Data ในอดีตที่ผ่านมาเป็นหลักดังนี้ 

1. Understand lifestyles not trend

          ถ้าหากยึดติดแค่กระแสสินค้า จะทำให้ขายดีแค่ช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่ถ้ายึดติดกับตัวผู้คน ผู้บริโภค จะสามารถขายดีอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนได้ เนื่องจากตามธรรมชาติของผู้บริโภคแล้ว จะมีความต้องการสินค้าลึกขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งเนื่องจากยุคดิจิทัลเทรนด์ตลาดหรือผู้บริโภคจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนในอดีต การเข้าใจ Lifestyle เพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่ผู้บริโภคโภคจะเปลี่ยนไป จึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งแนวคิดจาก Simon Sinek เรื่อง Start With Why ได้ให้ข้อคิดไว้ดีมาก ๆ ว่า ธุรกิจควรทำความเข้าใจถึงเหตุผลในการแก้ปัญหา หรือ Pain Point ของลูกค้าให้ได้ ไม่ใช่ทำความเข้าใจแค่ตัวสินค้าที่อยากขายตามความนิยมในช่วงนั้น ๆเท่านั้น เห็นได้จากการตุนหน้ากากอนามัยในช่วงที่ COVID-19 ระบาดใหม่ ๆ แล้วขายไม่ได้ในเวลาถัดมานั่นเอง 

2. Understand Journey Not Channels

          Channel หรือช่องทางการขาย มีรูปแบบและคาแรกเตอร์เฉพาะตัวที่ต่างกัน และตอบโจทย์ธุรกิจได้ไม่เหมือนกัน ทุก ๆ ช่องทางจึงมีความสำคัญ โดยผู้คนที่เข้ามาในแต่ละช่องทางก็มีความคาดหวังที่ต่างกัน เส้นทางการซื้อสินค้า (Customer Journey) เองก็ด้วย เช่น Marketplaces ชื่อดังอย่าง Shopee หรือ Lazada จะเป็นพื้นที่สำหรับค้นหาสินค้า หรือดีลใหม่ ๆ ซึ่งจะแตกต่างจาก Social Media ที่เป็นพื้นที่ของการแชร์ ไลฟ์สไตล์ หรือความไว้เนื้อเชื่อใจและ Relationship ส่วนเว็บไซต์หรือ Line ที่เป็นของธุรกิจเอง เหมาะสำหรับการซื้อซ้ำ หรือติดต่อกับผู้บริโภค และเสนอขายสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อแบรนด์ให้กับลูกค้ารู้สึกว่าได้สิทธิพิเศษ ซึ่งหากผู้ขายขายสินค้าผิดวัตถุประสงค์ของแต่ละช่องทาง เช่นขายบน Lazada Shopee แต่ต้องการกำไรมาก หรือการโพสต์ขายสินค้าบน Social Media เป็นหลักแบบ Hard Sale โดยไม่คำนึงถึงผู้บริโภคหรือผู้ติดตาม และการใช้เว็บไซต์เพื่อหาลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นผิด!! และอาจส่งผลให้คุณทำการขายได้ยากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นนอกจากการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้วการทำความเข้าใจช่องทางการขายก็เป็นสิ่งสำคัญ

“เพราะไม่ใช่ทุกช่องทางที่จะเหมาะกับธุรกิจของคุณและแต่ละธุรกิจก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทุก ๆ ช่องทาง”

          การทำให้แบรนด์เข้าถึงง่าย ลูกค้าสามารถเข้าถึงจากช่องทางพี่ลูกค้าสะดวกสบายที่สุดถือเป็นเรื่องสำคัญ และสามารถเพิ่มยอดขายได้ เราเรียกกันว่า Omni-Channel แต่ Omni-Channel ไม่ใช่การมีช่องทางการขายเยอะ แต่เป็นการเชื่อมต่อช่องทางที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ออเดอร์ สต๊อก เพื่อให้สามารถจัดการได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ในอนาคตค่ะ

3. Understand patterns not numbers

          เพราะการขายสินค้าออนไลน์ค่อนข้างมีรูปแบบ ต้องเข้าใจรูปแบบไม่ใช่ตัวเลข เราจึงไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการยึดติดกับตัวเลขที่คาดการณ์ไปล่วงหน้า เพราะถึงแม้จะมีตัวเลขที่สามารถคำนวณได้แน่นอน แต่ในอนาคตอาจมีวิกฤตอื่น ๆ เกิดขึ้นมาทำให้ข้อมูล Data เหล่านั้นใช้ไม่ได้ การเข้าใจ Patterns จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เราสามารถคาดการณ์ว่าควรจะทำอย่างไรในอนาคต รวมถึงรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ จากประสบการณ์ที่เคยได้รับนั่นเอง ที่สำคัญที่สุดคือการบริหารจัดการที่ดี คุณไม่ต้องเก่งทุกอย่าง ไม่ต้องถือทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง สามารถกระจายการทำงานที่ไม่ถนัดให้คนที่ถนัดทำ คุณจะได้สามารถโฟกัสเฉพาะแค่สิ่งที่ถนัดได้ และหากเกิดวิกฤตอีก จะได้ยืดหยุ่นพอที่จะปรับแปลงบริบทได้แบบทันท่วงที อีกทั้งยังต้องระมัดระวังเรื่องการนำเงินไปลงทุน ต้องกระจายความเสี่ยง อย่าเพิ่งลงทุนหวังผลระยะยาวและความคุ้มค่า ลงทุนเพื่อสร้างความยืดหยุ่นก่อนดีกว่า”

          MyCloudFulfillment ผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจร พร้อมด้วยบริการ Fulfillment ที่เป็นมากกว่าแค่การ เก็บ แพ็ค ส่ง ยังมีจุดแข็งด้านดาต้าที่ช่วยลูกค้าวางแผนได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า (Order Management Data) ที่สามารถช่วยรวมออเดอร์ของแต่ละช่องทางการขายมาเป็นที่เดียว และ ช่วยให้จัดการข้อมูลการซื้อของลูกค้า จัดการช่องทางการขาย จัดโปรโมชั่นอย่างมีประสิทธิภาพ และ มองเห็นโอกาสการเติบโตได้ (Growth Potential)

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 02-138-9920
อีเมล: [email protected]
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

MyCloud Sale Page

จะดีกว่าไหม? ถ้าขายออนไลน์แล้วจ่ายค่าธรรมเนียมการขายได้ถูกลง ทุกวันนี้การขายผ่าน Marketplace อย่าง Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือ Line Shopping อาจจะช่วยให้ยอดขายพุ่ง แต่สิ่งที่ตามมาคือ “ค่าธรรมเนียมการขาย” หรือ “ค่า GP” ที่แต่ละแพลตฟอร์มหักจากยอดขาย ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสินค้าและแพลตฟอร์ม กำไรที่ควรได้จึงอาจลดลงโดยไม่รู้ตัว เจ้าของธุรกิจออนไลน์จึงต้องวางแผนให้รอบคอบ ทั้งเรื่องราคาขาย โปรโมชันและต้นทุน ให้คุ้มกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย แต่รู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งช่องทางการขายที่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มกำไรได้จริง นั่นก็คือฟีเจอร์ MyCloud Sale Page ที่จะมาบอกต่อในบทความนี้ค่ะ ปัญหาเมื่อขายทาง Marketplace อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ ค่าธรรมเนียมการขาย (GP) ของแพลตฟอร์ม Marketplace ทุกวันนี้ถือว่าสูงพอสมควร ทำให้แม้ร้านค้าจะอัดโปรแรงแค่ไหน หรือดึงดูดลูกค้าได้มากเพียงใด รายได้สุทธิที่ได้รับจากคำสั่งซื้อก็อาจจะถูกแพลตฟอร์มหักลบไป แต่เรื่องค่าธรรมเนียมยังไม่ใช่อุปสรรคเดียว เดี๋ยว MyCloud จะพาไปดูว่า ปัจจัยอะไรอีกบ้าง…ที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์อาจไปไม่สุด ทั้งที่ยอดขายก็ดูจะดี! 1.ค่าธรรมเนียมสูง (GP สูง) การขายผ่าน Marketplace มีค่าธรรมเนียมการขายเฉลี่ย […]

Marketplace หรือ Social Commerce ขายที่ไหนกำไรดีกว่า?

ในยุคที่การขายออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว คำถามสำคัญที่พ่อค้าแม่ค้าหลายคนมักจะถามตัวเองคือ “ควรขายผ่าน Marketplace หรือ Social Commerce เพื่อให้ได้กำไรมากที่สุด?” ก่อนที่จะรู้คำตอบนั้นก็ควรจะรู้ก่อนว่าแต่ละช่องทางนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันอย่างไร แล้วช่องทางไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด? บทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น! Marketplace คืออะไร? ข้อดีและข้อเสีย Marketplace คือแพลตฟอร์มที่รวบรวมผู้ขายและผู้ซื้อมาไว้ในที่เดียว เช่น Lazada, Shopee, และ TikTok Shop ซึ่งกลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ขายออนไลน์เพราะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมากในเวลาอันสั้น ข้อดีของ Marketplace 1.เข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่ เพราะมีจำนวนผู้ใช้งานที่เยอะมากและหลากหลายทั้งในแง่ของเพศ อายุ และความสนใจ ทำให้โอกาสที่สินค้าของคุณจะถูกพบเห็นและซื้อมีสูง อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ช่วยโปรโมตสินค้า เช่น การแสดงสินค้าในหน้าแนะนำ (Recommended), การจัดอันดับสินค้ายอดนิยม, หรือฟังก์ชัน Search ที่ช่วยให้ลูกค้าเจอสินค้าคุณง่ายขึ้น และมีผู้ใช้งานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง คุณจึงสามารถขายสินค้าและทำการตลาดได้ต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องรอช่วงเวลาหรือกิจกรรมพิเศษ 2.ระบบจัดการที่สะดวก ระบบจัดการที่สะดวก มีเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องของการชำระเงิน การจัดส่ง และโปรโมชั่น –การชำระเงิน (Payment) มีระบบชำระเงินอัตโนมัติที่รองรับการจ่ายเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, โอนผ่านธนาคาร, และ […]

MyCloud Sale Page

จะดีกว่าไหม? ถ้าขายออนไลน์แล้วจ่ายค่าธรรมเนียมการขายได้ถูกลง ทุกวันนี้การขายผ่าน Marketplace อย่าง Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือ Line Shopping อาจจะช่วยให้ยอดขายพุ่ง แต่สิ่งที่ตามมาคือ “ค่าธรรมเนียมการขาย” หรือ “ค่า GP” ที่แต่ละแพลตฟอร์มหักจากยอดขาย ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสินค้าและแพลตฟอร์ม กำไรที่ควรได้จึงอาจลดลงโดยไม่รู้ตัว เจ้าของธุรกิจออนไลน์จึงต้องวางแผนให้รอบคอบ ทั้งเรื่องราคาขาย โปรโมชันและต้นทุน ให้คุ้มกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย แต่รู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งช่องทางการขายที่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มกำไรได้จริง นั่นก็คือฟีเจอร์ MyCloud Sale Page ที่จะมาบอกต่อในบทความนี้ค่ะ ปัญหาเมื่อขายทาง Marketplace อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ ค่าธรรมเนียมการขาย (GP) ของแพลตฟอร์ม Marketplace ทุกวันนี้ถือว่าสูงพอสมควร ทำให้แม้ร้านค้าจะอัดโปรแรงแค่ไหน หรือดึงดูดลูกค้าได้มากเพียงใด รายได้สุทธิที่ได้รับจากคำสั่งซื้อก็อาจจะถูกแพลตฟอร์มหักลบไป แต่เรื่องค่าธรรมเนียมยังไม่ใช่อุปสรรคเดียว เดี๋ยว MyCloud จะพาไปดูว่า ปัจจัยอะไรอีกบ้าง…ที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์อาจไปไม่สุด ทั้งที่ยอดขายก็ดูจะดี! 1.ค่าธรรมเนียมสูง (GP สูง) การขายผ่าน Marketplace มีค่าธรรมเนียมการขายเฉลี่ย […]

Marketplace หรือ Social Commerce ขายที่ไหนกำไรดีกว่า?

ในยุคที่การขายออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว คำถามสำคัญที่พ่อค้าแม่ค้าหลายคนมักจะถามตัวเองคือ “ควรขายผ่าน Marketplace หรือ Social Commerce เพื่อให้ได้กำไรมากที่สุด?” ก่อนที่จะรู้คำตอบนั้นก็ควรจะรู้ก่อนว่าแต่ละช่องทางนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันอย่างไร แล้วช่องทางไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด? บทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น! Marketplace คืออะไร? ข้อดีและข้อเสีย Marketplace คือแพลตฟอร์มที่รวบรวมผู้ขายและผู้ซื้อมาไว้ในที่เดียว เช่น Lazada, Shopee, และ TikTok Shop ซึ่งกลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ขายออนไลน์เพราะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมากในเวลาอันสั้น ข้อดีของ Marketplace 1.เข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่ เพราะมีจำนวนผู้ใช้งานที่เยอะมากและหลากหลายทั้งในแง่ของเพศ อายุ และความสนใจ ทำให้โอกาสที่สินค้าของคุณจะถูกพบเห็นและซื้อมีสูง อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ช่วยโปรโมตสินค้า เช่น การแสดงสินค้าในหน้าแนะนำ (Recommended), การจัดอันดับสินค้ายอดนิยม, หรือฟังก์ชัน Search ที่ช่วยให้ลูกค้าเจอสินค้าคุณง่ายขึ้น และมีผู้ใช้งานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง คุณจึงสามารถขายสินค้าและทำการตลาดได้ต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องรอช่วงเวลาหรือกิจกรรมพิเศษ 2.ระบบจัดการที่สะดวก ระบบจัดการที่สะดวก มีเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องของการชำระเงิน การจัดส่ง และโปรโมชั่น –การชำระเงิน (Payment) มีระบบชำระเงินอัตโนมัติที่รองรับการจ่ายเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, โอนผ่านธนาคาร, และ […]