Knowledge Center

Live Commerce คืออะไร เทรนด์ใหม่มาแรง ที่ธุรกิจ E-Commerce ต้องรู้จัก!

Live Commerce ที่เราพบเห็นจนชินตาปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์ขายของด้วยตนเอง หรือจ้างพรีเซนเตอร์ที่เป็น เน็ตไอดอล ศิลปินดารามา Live ขายของนั้นเรียกได้ว่าเป็นที่นิยม มีโอกาสที่จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และอาจขายได้มากกว่าการโพสต์ขายทั่วไปด้วยซ้ำ เพราะคนไทยเราก็คุ้นชินและชื่นชอบกันเป็นอย่างดีสำหรับการไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ วันนี้เราจึงมีรูปแบบการขายใหม่ที่เรียกว่า Live Commerce ที่กำลังฮิตติดเทรนด์และน่าสนใจอย่างมากมาให้รู้จักกันค่ะ เพราะหากไม่รู้จักเทรนด์ดังกล่าวก็ถือว่าพลาดโอกาสทองของการขายได้เลย  

Live commerce คืออะไร 

Live commerce คือรูปแบบการขายสินค้าผ่านการถ่ายทอดสด (Live Streaming) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ไลฟ์สดขายของใน TikTok, Facebook Live, Shopee Live หรือ Lazada Live โดยผสมผสานระหว่างความบันเทิง และการช้อปปิ้งแบบเรียลไทม์ หรือที่เรียกว่า Shoppertainment เข้าไว้ด้วยกัน จุดเด่นของ Live commerce คือผู้ขายสามารถพูดคุยกับลูกค้า ตอบคำถาม แนะนำสินค้าหรือโชว์การใช้งานจริงได้ทันที ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายและไวขึ้น

Live commerce จึงไม่ใช่แค่ช่องทางขายของ แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือสร้างแบรนด์ สื่อสารภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าและตัวผู้ขายเองได้อย่างทรงพลัง โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้าต้องการประสบการณ์มากกว่าการดูแค่รูปสินค้าเพียงอย่างเดียว 

รู้หรือไม่? ในต่างประเทศไม่ได้ใช้ Social Media ขายของ

แปลกแต่จริงค่ะ ต่างชาติจะไม่ค่อยนิยมไลฟ์หรือโพสต์ผ่านช่องทาง Social Media เท่าไรค่ะ เพราะแท้จริงแล้วจุดประสงค์ของช่องทางออนไลน์เหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อขายของ แต่เป็นช่องทางของการเรียนรู้ไลฟ์สไตล์ สังสรรค์ และติดต่อสื่อสารกันในรูปแบบของเพื่อน ๆ กันมากกว่าเป็นผู้ขายและผู้ซื้อ จึงมีแค่ไทย จีน และไต้หวัน เท่านั้นที่นิยมใช้แพลตฟอร์มนี้ในการค้าขาย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคนไทยได้นำมาประยุกต์ใช้ขายสินค้า จนเป็นคุ้นเคยและขายดิบขายดี ช่องทางเหล่านี้จึงเป็นที่นิยมมากในการขายของธุรกิจ E-Commerce ในปัจจุบัน และสามารถช่วยให้ขายสินค้าได้มากขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย ดังนั้นจึงมีคำว่า “Social Commerce” เกิดขึ้นเพื่ออธิบายของรูปแบบการขายในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนั่นเองค่ะ 

Live Commerce แตกต่างจากการโพสต์ขายของอย่างไร? 

เพราะ Live Commerce เป็นการผสมผสานระหว่างการขายสินค้าบนโลกออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่ายสะดวกสบายทุกเวลา เข้ากับการได้รับประสบการณ์จากหน้าร้าน สีหน้าท่าทางผู้ขาย รวมถึงรูปแบบลักษณะจริง ๆ ของสินค้าผ่านทางหน้าจอ ทำให้การมีส่วนร่วมและพูดคุย ถามคำถามกับพูดขายกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่ทำให้การไลฟ์ขายของเป็นที่นิยม อีกทั้งรูปแบบของการไลฟ์พ่อค้าแม่ขายแต่ละคนก็งัดเอาทุกกลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นการ เอนเตอร์เทน เล่นดนตรี ร้องเพลง หรือเต้น เข้ามาช่วยดึงดูดลูกค้าทำให้บางไลฟ์ก็มีการนำมาพูดต่อเป็นไวรัล และบางคนก็มีชื่อเสียงจากการไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์อีกด้วยค่ะ  

Live Commerce กลายเป็นช่องทางยอดติดลมบนช่วง COVID-19

ในช่วงที่ผ่านมา การไลฟ์ขายสินค้า (Live Commerce) เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วเอเชียถึง 46.4% และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยเองที่กลายเป็นตลาด Live Commerce ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน ร้านค้าออนไลน์ไทยจำนวนมากหันมาใช้ช่องทางไลฟ์ขายของบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook Live, TikTok, Shopee Live และ Lazada Live เพื่อสร้างยอดขายและเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ตั้งแต่แบรนด์แฟชั่นเล็ก ๆ ไปจนถึงร้านค้าออนไลน์ที่เริ่มต้นด้วยตัวเอง ต่างก็ใช้การไลฟ์เป็นเครื่องมือหลักในการกระตุ้นยอดขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

แม้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลงแล้ว แต่กระแส Live Commerce ในไทยยังคงร้อนแรงและได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ แพลตฟอร์มต่าง ๆ จึงพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการไลฟ์ขายของมากขึ้น เช่น ฟีเจอร์แชตตอบกลับทันที ระบบการชำระเงินที่สะดวกและการแสดงผลรีวิวแบบเรียลไทม์

สำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นหรืออยากต่อยอด Live Commerce คือโอกาสทองที่จะเข้ามาในตลาดที่ยังเติบโตได้อีกมาก และถ้าคุณพร้อมใช้เครื่องมือและเทคนิคที่ถูกต้อง รับรองว่าคุณจะสามารถสร้างยอดขายและฐานลูกค้าในไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนแน่นอนค่ะ 

เทคนิคในการทำ Live Commerce ให้ปัง ขายดี ลูกค้าติดใจ

การไลฟ์ขายของออนไลน์ไม่ใช่แค่เปิดกล้องพูดขายอย่างเดียว แต่ถ้ารู้จักใช้เทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว มาดูกันค่ะว่าเทคนิคไหนที่ช่วยให้การไลฟ์ของคุณปังจนลูกค้าติดใจ!

  1. ชวนให้กดติดตามหลังจบไลฟ์ หลังไลฟ์เสร็จ อย่าลืมชวนลูกค้ากดติดตามช่องหรือเพจ เพื่อไม่พลาดไลฟ์ครั้งต่อไปและกิจกรรมสนุก ๆ ที่จะมีในอนาคต 
  2. จัดองค์ประกอบในไลฟ์ให้สวยงาม ฉากหลังที่ดูดี สะอาดตาและมีสินค้าโชว์อย่างเป็นระเบียบ จะช่วยดึงดูดสายตา และสร้างความน่าเชื่อถือให้ร้านของคุณได้มากขึ้น ยิ่งถ้าเห็นสินค้าหลากหลายชัดเจน คนดูจะรู้สึกว่าร้านคุณพร้อมและน่าไว้ใจ 
  3. สร้างจุดเด่นให้เป็นที่จดจำ การไลฟ์ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวในตลาดนี้ การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การพูด หรือคอนเซปต์ไลฟ์ที่โดดเด่น จะช่วยให้ผู้ชมจำคุณได้ง่ายขึ้น และกลับมาดูซ้ำอีกเรื่อย ๆ
  4. ทักทายลูกค้าบ้าง อย่ามัวแต่ขายอย่างเดียว การพูดคุย ตอบคำถาม หรือทักทายผู้ชมเป็นระยะ ๆ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นมิตรและอยากกลับมาไลฟ์ของคุณอีก 
  5. จัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ลดราคา แจกของรางวัล หรือเชิญชวนลูกค้าแชร์ไลฟ์ไปยังกลุ่มต่าง ๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและกระตุ้นยอดขายให้พุ่งแรง 
  6. เลือกเวลาไลฟ์ให้เหมาะสม รู้จักกลุ่มเป้าหมายและเวลาไลฟ์ให้ตรงกับช่วงเวลาที่เขาว่าง เช่น พนักงานออฟฟิศอาจสะดวกดูไลฟ์ช่วงพักเที่ยง หรือหลังเลิกงาน เพื่อเพิ่มโอกาสที่คนจะเข้ามาชมและซื้อของ 
  7. สัญญาอินเทอร์เน็ตต้องดี ไม่มีสะดุด อย่าลืมเช็กอินเทอร์เน็ตก่อนไลฟ์ ภาพและเสียงที่ชัดเจน จะทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้น ไม่สะดุดหรือขาดตอนกลางคัน

เช็กเคล็ดลับสาวไทยไลฟ์ขายของได้หลักสิบล้าน/ชั่วโมง!

เพราะการไลฟ์ขายของในยุคนี้ ไม่ใช่แค่การพูดขายของหน้ากล้อง แต่คือการถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ ความชอบ และแรงบันดาลใจที่เชื่อมโยงกับผู้ติดตามอย่างแนบแน่น เหมือนกับที่หลายแบรนด์ไทยทำให้เห็นแล้วว่า แค่มี Passion บวกกับสตอรี่ที่น่าสนใจก็สามารถเปลี่ยน Live สั้น ๆ ให้กลายเป็นยอดขาย หลักล้านภายในไม่กี่นาที ได้ไม่ยากเลยค่ะ โดยเฉพาะเจ้าของแบรนด์ที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์เองอยู่แล้ว หรือคนที่รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของตัวเองชอบอะไร เมื่อไลฟ์ขายของ พร้อมใช้สินค้าจริง เล่าเรื่องจริง คนดูก็รู้สึกเหมือนได้ช้อปกับเพื่อนคนหนึ่งที่เขาไว้ใจ และเชื่อใจในรสนิยม นี่แหละคือจุดที่ Live ขายของกลายเป็นพื้นที่สร้างยอดขายและสร้างอิทธิพลไปพร้อมกัน

แต่เบื้องหลังยอดขายระดับนี้ ต้องยอมรับว่าไม่ใช่แค่สตอรี่ดีแล้วขายได้เลย แต่ต้องมีระบบจัดการหลังบ้านที่แน่นด้วยค่ะ ซึ่งหลายแบรนด์ดังในไทยเลือกใช้ MyCloud Fulfillment เพื่อช่วยดูแลสต๊อกสินค้า รับออเดอร์จาก TikTok Shop, Shopee, Lazada, Line Shopping ผ่านระบบ Omnichannel Management จัดการคำสั่งซื้อจากทุกช่องทางการขายได้แบบไม่มีสะดุด ทันทีที่คำสั่งซื้อเข้ามา ระบบจะทำการยิงเข้าสู่คลังสินค้า ทำงานร่วมกับระบบ WMS (Warehouse Management System) พร้อมพนักงานที่ทำงานตลอด 24 ชม. 365 วันไม่มีวันหยุด หยิบ แพ็คและจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วตามข้อกำหนด SLA ของแต่ละแพลตฟอร์ม โดยที่ให้คุณโฟกัสกับการไลฟ์ไป โดยไม่ต้องคอยมาพะวงเรื่องหลังบ้านว่า จะมีพนักงานพอไหม ออเดอร์ถูกหรือเปล่า พอไม่มีภาระหรือเรื่องจัดส่งหรือแพ็คของที่ต้องคอยมากังวล ก็จะช่วยให้คุณมีเวลาทุ่มเทให้กับการคิดคอนเทนต์ สร้างภาพลักษณ์และไลฟ์ขายแบบไม่มีสะดุด 

และไม่ใช่แค่จัดการคลังสินค้าออนไลน์ที่ดีเพียงเท่านั้น แต่ยัง MyCloud Fulfillment ยังมี Dashboard และ Reporting ที่ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ง่าย ๆ ในหน้าเดียว โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกอัปเดตแบบเรียลไทม์ พร้อมช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อยากรู้ว่าวันนี้ยอดขายเท่าไหร่? ดูจาก Sales Dashboard อยากรู้ว่าออเดอร์จัดส่งเร็วแค่ไหน? เช็กจาก Fulfillment Dashboard หรืออยากรู้ว่าสินค้าไหนใกล้หมด สินค้าไหนควรเร่งขาย? ใช้ Inventory Dashboard ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมา เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนโปรโมชั่น การวางแผนเติมสต๊อก หรือดันสินค้าขายดีให้ปังยิ่งขึ้น เพราะในยุคนี้ การขายไม่ใช่แค่การลดราคา แต่คือการขายสไตล์ ความเชื่อและตัวตนของเจ้าของแบรนด์ ถ้าเล่าให้โดยมีระบบช่วยซัพพอร์ตหลังบ้านดี ๆ ยังไงก็ปังค่ะ!

สรุปบทความ 

Live Commerce ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายที่สำคัญ และมองข้ามไม่ได้เลยในปัจจุบันที่หลาย ๆ ธุรกิจกำลังให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Hi-End ใหญ่ ๆ ไปจนถึงร้านค้าออนไลน์เล็ก ๆ ที่ไม่มีหน้าร้าน อีกทั้งแพลตฟอร์ม E-Commerce ต่าง ๆ ก็เริ่มเห็นความสำคัญและเปิดตัวฟังก์ชัน Live สินค้ากันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม Live Commerce เป็นเทรนด์ที่นิยมมากในปัจจุบันก็จริง แต่เมื่อมีคนทำหลายคนยิ่งเยอะเข้าก็มีการแข่งขันสูง จุดเด่นเฉพาะตัวจึงเป็นสำคัญที่จะสามารถดึงดูดผู้ชมได้ และในอนาคตจะมีเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นต่อไปอีกมากมาย ดังนั้นธุรกิจใดที่มองขาด และมองเทรนด์ต่าง ๆ ของผู้บริโภคออกก็จะนำหน้าธุรกิจอื่น ๆ และเติบโตได้ในอนาคตอย่างแน่นอน 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

อัตราการจัดส่งไม่สำเร็จ (Non Fulfillment Rate) คืออะไร? พร้อมเคล็ดลับการจัดการปัญหานี้!

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอีกหนึ่งกุญแจของความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้ คือการจัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งใน SLA หรือตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจ คืออัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จหรือ Non Fulfillment Rate บนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์อย่าง Shopee ที่จะส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้าและยอดขายของร้านค้า ดังนั้น วันนี้ MyCloud จะพาคุณทำความรู้จักว่า อัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง ในบทความนี้กัน  Non Fulfillment Rate คืออะไร   Non Fulfillment Rate (NFR) หรืออัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ คือค่าที่แสดงถึงจำนวนคำสั่งซื้อที่ไม่สามารถจัดส่งได้สำเร็จ เทียบกับจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วงเวลาย้อนหลัง 7 วัน โดยคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ของคำสั่งซื้อที่ถูกยกเลิก  สามารถตรวจสอบอัตรา Non Fulfillment Rate (NFR) ได้จากที่ไหนบ้าง  สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์มือใหม่ที่เพิ่งลงสนามขายของบน Shopee ได้ไม่นาน ก็อาจจะมีความกังวลอยู่บ้างว่าแล้ว Non Fulfillment Rate (NFR) สามารถตรวจสอบได้จากที่ไหนบ้าง หากคุณสมัครและยืนยันตัวตนเป็น Shopee Seller อย่างถูกต้องแล้ว อัตราการจัดส่งค้าไม่สำเร็จจะถูกคำนวณอัตโนมัติและอัปเดตทุก […]

MyCloud พาไปดูใครเป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้!!

ใครกันนะ ที่เป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้!!           วงการ E-Commerce เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าจะให้พูดถึงผู้นำด้านธุรกิจ E-Commerce เจ้าใหญ่ ๆ ทุกคนนึกถึงใครกันบ้างคะ แน่นอนค่ะว่าเชื่อแรก ๆ ที่คิดออกก็คงจะเป็น Amazon Alibaba eBay หรือไม่ที่คนไทยเราใช้บริการบ่อย ๆ ก็เป็น Lazada Shopee ใช่ไหมล่ะคะ วันนี้ MyCloud จะพาไปหาคำตอบว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์แนวคิด หรือวิธีการดำเนินธุรกิจของ E-Commerce เจ้าใหญ่ ๆ ทั้งหลายเพื่อเป็นไอเดีย หรือแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่อไปค่ะ           มาเริ่มกันที่ Alibaba ด้วยความที่เป็น platform ออนไลน์สำหรับ B2B […]

อัตราการจัดส่งไม่สำเร็จ (Non Fulfillment Rate) คืออะไร? พร้อมเคล็ดลับการจัดการปัญหานี้!

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอีกหนึ่งกุญแจของความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้ คือการจัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งใน SLA หรือตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจ คืออัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จหรือ Non Fulfillment Rate บนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์อย่าง Shopee ที่จะส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้าและยอดขายของร้านค้า ดังนั้น วันนี้ MyCloud จะพาคุณทำความรู้จักว่า อัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง ในบทความนี้กัน  Non Fulfillment Rate คืออะไร   Non Fulfillment Rate (NFR) หรืออัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ คือค่าที่แสดงถึงจำนวนคำสั่งซื้อที่ไม่สามารถจัดส่งได้สำเร็จ เทียบกับจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วงเวลาย้อนหลัง 7 วัน โดยคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ของคำสั่งซื้อที่ถูกยกเลิก  สามารถตรวจสอบอัตรา Non Fulfillment Rate (NFR) ได้จากที่ไหนบ้าง  สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์มือใหม่ที่เพิ่งลงสนามขายของบน Shopee ได้ไม่นาน ก็อาจจะมีความกังวลอยู่บ้างว่าแล้ว Non Fulfillment Rate (NFR) สามารถตรวจสอบได้จากที่ไหนบ้าง หากคุณสมัครและยืนยันตัวตนเป็น Shopee Seller อย่างถูกต้องแล้ว อัตราการจัดส่งค้าไม่สำเร็จจะถูกคำนวณอัตโนมัติและอัปเดตทุก […]

MyCloud พาไปดูใครเป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้!!

ใครกันนะ ที่เป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้!!           วงการ E-Commerce เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าจะให้พูดถึงผู้นำด้านธุรกิจ E-Commerce เจ้าใหญ่ ๆ ทุกคนนึกถึงใครกันบ้างคะ แน่นอนค่ะว่าเชื่อแรก ๆ ที่คิดออกก็คงจะเป็น Amazon Alibaba eBay หรือไม่ที่คนไทยเราใช้บริการบ่อย ๆ ก็เป็น Lazada Shopee ใช่ไหมล่ะคะ วันนี้ MyCloud จะพาไปหาคำตอบว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าแห่ง E-Commerce ในยุคนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์แนวคิด หรือวิธีการดำเนินธุรกิจของ E-Commerce เจ้าใหญ่ ๆ ทั้งหลายเพื่อเป็นไอเดีย หรือแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่อไปค่ะ           มาเริ่มกันที่ Alibaba ด้วยความที่เป็น platform ออนไลน์สำหรับ B2B […]