Knowledge Center

ChatGPT คืออะไร? ช่วยดันยอดขายออนไลน์ให้พุ่งได้ยังไง?

ช่วงนี้ไปที่ไหนก็ได้ยินแต่คนพูดถึง ChatGPT แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า จริงๆ แล้ว ChatGPT คืออะไร? มันเป็นแค่ AI แชทบอทธรรมดาที่คุยเล่นได้ หรือเป็นเครื่องมือช่วยแม่ค้าออนไลน์ขายของได้จริงอย่างที่เขาว่ากันแน่? บางคนบอกว่า ChatGPT ช่วยให้ตอบแชทลูกค้าได้ไวขึ้น คิดคอนเทนต์ขายของได้ดีขึ้น หรือแม้แต่ช่วยปิดการขายได้ง่ายกว่าเดิม แต่บางคนก็ยังลังเลว่าสุดท้ายมันจะเวิร์กจริงหรือเปล่า วันนี้ Myloud เราจะพามาทำความรู้จักกับ ChatGPT แบบจัดเต็มกันเลย ว่าแม่ค้าออนไลน์ยุคนี้สามารถนำ AI ตัวนี้ไปใช้ในธุรกิจอย่างไรบ้างให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเข้าใจ และนำไปใช้งานได้จริงแน่นอน!

ChatGPT คืออะไร?

ChatGPT คืออะไร

ChatGPT คือ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างบทสนทนาอัตโนมัติ โดยมีจุดเด่นในเรื่องการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติและเหมือนมนุษย์จริงๆ เครื่องมือนี้สามารถช่วยตอบคำถาม, สร้างคอนเทนต์, หรือแม้แต่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่นิยมในหมู่คนทำธุรกิจออนไลน์อย่างมากในปัจจุบัน


ChatGPT ช่วยคนขายออนไลน์ได้อย่างไรบ้าง?

  • ช่วยสร้างคอนเทนต์การตลาดที่โดนใจลูกค้า

คิดและเขียนคอนเทนต์การตลาดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแคปชั่นโฆษณา, โพสต์ Facebook, สคริปต์วิดีโอสั้น, บทความ SEO หรือข้อความสำหรับยิงแอดบน Google, Facebook, YouTube หรือ TikTok เพราะ ChatGPT เข้าใจบริบทการสื่อสาร สามารถปรับการเขียนให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เช่น หากลูกค้าเป็นกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน 30-40 ปีที่ชอบความสะดวกสบาย ChatGPT ก็จะช่วยสร้างคอนเทนต์ที่เน้นประหยัดเวลา เข้าใจง่าย และน่าคลิกมากขึ้น

ChatGPT ช่วยคนขายออนไลน์คิดคอนเทนต์ที่เด็ดๆ

ตัวอย่างการใช้งาน “ลองใช้ ChatGPT ช่วยเขียนแคปชั่นโปรโมชัน เช่น ‘โปรแรง 3 วันเท่านั้น! ไอเท็มฮิตที่สาวออฟฟิศต้องมี ตอบโจทย์ทุกวันยุ่งๆ ของคุณ’ ซึ่งดึงดูดและตรงใจกลุ่มลูกค้าได้ดี”

  • ช่วยเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ดีขึ้น

วิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าในโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ข้อมูลที่ลูกค้าสื่อสารผ่านข้อความ คำถามที่พบบ่อย หรือการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาประมวลผลเพื่อสรุปเป็นแนวโน้มที่สำคัญ ช่วยให้ผู้ขายออนไลน์เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งขึ้น

เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า

ประโยชน์ของการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า

  • ระบุสินค้าที่ได้รับความสนใจ: วิเคราะห์ว่าลูกค้าสนใจสินค้าประเภทใดเป็นพิเศษ และสินค้าตัวไหนที่มักถูกสอบถามหรือสั่งซื้อบ่อย
  • ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด: ช่วยให้ผู้ขายสามารถปรับปรุงวิธีการโปรโมทให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เช่น การใช้คอนเทนต์รีวิวสินค้า การทำโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม หรือการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสม
  • เข้าใจความกังวลของลูกค้า: วิเคราะห์คำถามที่ลูกค้ามักสอบถาม เช่น เรื่องคุณภาพสินค้า วิธีการใช้งาน หรือข้อกังวลเกี่ยวกับการจัดส่ง เพื่อให้ผู้ขายสามารถเตรียมข้อมูลตอบคำถามได้อย่างครบถ้วน
  • พัฒนาเนื้อหาให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย: นำข้อมูลที่ได้มาสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ เช่น การทำคู่มือการใช้งานสินค้า การให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ หรือการจัดทำ FAQs เพื่อลดข้อสงสัยของลูกค้า

ตัวอย่างการใช้งานจริง
หากผู้ขายออนไลน์ต้องการเข้าใจแนวโน้มคำถามที่ลูกค้ามักสอบถามในช่องทางแชทหรืออินบ็อกซ์ของร้านค้า สามารถใช้ ChatGPT วิเคราะห์ข้อความที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อสรุปประเด็นสำคัญ เช่น

Q&A
  • ลูกค้าส่วนใหญ่มักสอบถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้า เช่น วัสดุที่ใช้ ความคงทน หรือวิธีดูแลรักษา
  • มีคำถามเกี่ยวกับการเปรียบเทียบระหว่างสินค้าหลายรุ่น ซึ่งอาจบ่งบอกว่าลูกค้ากำลังชั่งใจเลือกซื้อ
  • ลูกค้าหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาจัดส่งหรือวิธีการชำระเงิน

จากข้อมูลที่ได้รับ ผู้ขายสามารถนำไปปรับปรุงการนำเสนอสินค้า สร้างเนื้อหาคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ หรือปรับปรุงการให้บริการเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้

  • ช่วยค้นหาไอเดียสินค้าใหม่ๆ ตามเทรนด์

ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การติดตามเทรนด์สินค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ขายออนไลน์ ChatGPT สามารถช่วยวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและพฤติกรรมของลูกค้าในช่วงเวลาต่างๆ โดยอ้างอิงจากข้อมูลออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย คำค้นหายอดนิยม หรือกระแสในอุตสาหกรรม เพื่อแนะนำไอเดียสินค้าที่กำลังมาแรง และมีโอกาสสร้างยอดขาย

ChatGPT ช่วยค้นหาไอเดียสินค้าใหม่ๆ ตามเทรนด์

ประโยชน์ของการใช้ ChatGPT ค้นหาไอเดียสินค้าใหม่ๆ

  • ติดตามเทรนด์แบบเรียลไทม์ – วิเคราะห์ว่าสินค้าไหนกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น เทรนด์แฟชั่น เทรนด์ของใช้ในบ้าน หรือสินค้าสุขภาพและความงาม
  • คาดการณ์ความต้องการล่วงหน้า – ช่วยให้ผู้ขายเตรียมสต็อกสินค้าล่วงหน้าก่อนที่ตลาดจะมีความต้องการสูง
  • ช่วยค้นหาสินค้าตามฤดูกาล – แนะนำสินค้าที่เหมาะกับช่วงเวลา เช่น หน้าหนาวอาจเหมาะกับเสื้อไหมพรมและเครื่องทำความร้อน ส่วนหน้าร้อนอาจเน้นพัดลมพกพาและเสื้อผ้าระบายอากาศ
  • ช่วยวิเคราะห์สินค้าขายดีในแต่ละกลุ่มลูกค้า – แนะนำสินค้าที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น วัยรุ่นนิยมสินค้าประเภทไหน หรือคุณแม่มือใหม่กำลังมองหาสินค้าอะไร
  • ช่วยวางแผนแคมเปญการตลาดแบบละเอียด

ให้คำแนะนำเชิงลึกเกี่ยวกับการวางแผนแคมเปญการตลาดออนไลน์ได้อย่างละเอียด ตั้งแต่การคิดไอเดียให้ตรงกับเทรนด์ตลาด ไปจนถึงการกำหนดชื่อแคมเปญที่ดึงดูดใจ ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดได้เป็นระบบ ครอบคลุมทุกองค์ประกอบสำคัญ เช่น

วางแผนแคมเปญการตลาด
  • กำหนดเป้าหมายแคมเปญ – ระบุวัตถุประสงค์ เช่น เพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้แบรนด์ หรือดึงดูดลูกค้าใหม่
  • วางแผนงบประมาณ – คำนวณค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาและการโปรโมทเพื่อให้คุ้มค่าที่สุด
  • เลือกใช้สื่อและช่องทางที่เหมาะสม – วิเคราะห์ว่าควรโปรโมทผ่าน Facebook, Instagram, TikTok หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ
  • ตั้ง KPI – วัดผลแคมเปญจากยอดคลิก ยอดขาย หรือการมีส่วนร่วมของลูกค้า

ตัวอย่างการใช้งาน
หากต้องการจัดแคมเปญโปรโมทช่วงเทศกาล เช่น วาเลนไทน์ ChatGPT สามารถช่วยระบุรายละเอียด เช่น

  • เลือกสินค้าที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย – เช่น ของขวัญยอดนิยมสำหรับคู่รัก
  • คิดข้อความโฆษณาให้น่าสนใจ – เช่น “ของขวัญสุดพิเศษ บอกรักผ่านไอเท็มที่ใช่
  • แนะนำช่องทางโปรโมทที่ได้ผล – เช่น การทำรีวิวสินค้าลง TikTok พร้อมยิงโฆษณาเจาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน

ข้อจำกัดการใช้ ChatGPT คืออะไร ที่คนขายต้องรู้

แม้ ChatGPT จะมีประโยชน์มากมายในการให้ข้อมูลภาพรวมของตลาดและแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า แต่ข้อมูลที่ได้รับจาก ChatGPT จะเป็นข้อมูลทั่วไปและภาพกว้าง ไม่ใช่ข้อมูลเฉพาะของลูกค้าของร้านค้าของคุณจริงๆ จึงอาจทำให้เกิดช่องว่างในการวางแผนกลยุทธ์ที่เจาะลึกถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะ

ข้อจำกัดการใช้ ChatGPT

ตรงนี้เองที่ MyCloud Fulfillment เข้ามาช่วยร้านค้าออนไลน์ได้มากกว่าแค่บริการจัดการคลังสินค้า เพราะเราให้บริการครบทุกเรื่องหลังบ้าน ตั้งแต่รับสินค้า เก็บสินค้า แพ็กสินค้า จนส่งถึงมือลูกค้า ที่สำคัญ เรายังมีตัวช่วยสำคัญอย่าง Sales Dashboard ที่ทำให้เจ้าของร้านออนไลน์รู้ลึกเรื่องลูกค้าแบบเจาะจง เช่น ลูกค้ากลุ่มไหนชอบซื้อสินค้าอะไรบ่อยที่สุด ซื้อช่วงเวลาไหนเป็นประจำ เพื่อให้นำข้อมูลนี้ไปวางแผนการตลาดได้ง่ายและตรงใจลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังมี Inventory Dashboard ที่ช่วยชี้ชัดเรื่องสต็อกสินค้า เช่น สินค้าชนิดไหนขายไม่ออกและกินพื้นที่ในคลัง ควรรีบเคลียร์ออก หรือสินค้าตัวไหนขายดีจนสต็อกเริ่มน้อยลง ควรรีบเติมเพื่อไม่ให้เสียโอกาสขาย ทั้งหมดนี้จะถูกแสดงผลให้อ่านง่ายผ่านกราฟต่างๆ เพื่อช่วยให้เจ้าของร้านออนไลน์นำข้อมูลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด


สรุปบทความ

ChatGPT เป็น AI ที่ช่วยให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์ทำงานได้ง่ายขึ้น และมีส่วนช่วยเพิ่มยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น การสร้างคอนเทนต์, ตอบแชทลูกค้า, วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค หรือ ค้นหาเทรนด์สินค้าใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะช่วยได้มาก แต่ ChatGPT ยังคงมีข้อจำกัดในการให้ข้อมูลที่เจาะจงกับร้านค้าโดยตรง เนื่องจากประมวลผลจากข้อมูลภาพรวมเป็นหลัก

แพ็กสินค้า

ที่ MyCloud Fulfillment เราเข้าใจความต้องการของธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ จึงให้บริการ คลังสินค้าออนไลน์ครบวงจร พร้อมระบบ Dashboard อัจฉริยะ ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า จากยอดขายจริง ได้อย่างละเอียด เจ้าของร้านสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อ บริหารสต็อกสินค้า วางแผนการตลาด และขยายธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้น หากคุณต้องการยกระดับธุรกิจออนไลน์ให้ครบทุกด้านนอกจากเครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT ที่ช่วยธุรกิจของคุณได้แล้วลองให้ MyCloud Fulfillment เป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของคุณที่จะมาคอยช่วยจัดการเรื่องหลังบ้านร้านค้าออนไลน์ได้อย่างราบรื่นสิคะ คลิกเพื่อติดต่อเราได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]

SLA คืออะไร กับ 3 ตัวชี้วัด Marketplace ที่คนขายออนไลน์จะต้องรู้

ถ้าให้พูดถึงการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ก็คงเป็นช่องทาง Marketplace ที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่างช่องทางการขาย Lazada, Shopee, TikTok Shop ซึ่งแน่นอนว่าการที่ได้รับความสนใจสิ่งที่เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วยก็คือการแข่งขันของร้านค้าออนไลน์ใน Marketplace เพราะประเภทสินค้าที่เหมือนกันหรือมีความคล้ายกันก็จะทำให้ผู้ซื้อเกิดการเปรียบเทียบก่อนซื้อ และเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ร้านค้าออนไลน์ควรต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้และทำให้แบรนด์เติบโตได้ในระยะยาว  SLA คือข้อตกลงระดับการให้บริการที่ผู้ขายต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น บทความนี้เราจะมาพูดถึงปัจจัยที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ร้านค้ามีเรตติ้งคะแนนร้านค้าที่ดีและเป็นส่วนช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วยนั้นก็คือ SLA (Service Level Agreement) แน่นอนว่าการมีเรตติ้งร้านค้าที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากความคาดหวังของลูกค้ามีสูงขึ้นเรื่อย ๆ การรักษามาตรฐาน SLA ที่ดีจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งในเรื่องของความรวดเร็วในการจัดการออเดอร์ไปจนถึงจัดส่ง คุณภาพของสินค้าที่ตรงตามที่ระบุ และการให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว  SLA คืออะไร?  Service Level Agreement หรือ SLA คือข้อตกลงในการให้บริการระหว่างร้านค้าและแพลตฟอร์มการขาย ซึ่งก็จะเป็นในส่วนข้อตกลงในการให้บริการเพื่อวัดคุณภาพการจัดส่งของร้านค้า การที่ร้านค้าปฏิบัติตามข้อตกลง SLA ของแพลตฟอร์มจะช่วยให้ร้านค้า ไม่โดนคะแนนบทลงโทษ สามารถเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ ๆ เพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า SLA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง  การทำธุรกิจออนไลน์บน Marketplace […]

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]

SLA คืออะไร กับ 3 ตัวชี้วัด Marketplace ที่คนขายออนไลน์จะต้องรู้

ถ้าให้พูดถึงการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ก็คงเป็นช่องทาง Marketplace ที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่างช่องทางการขาย Lazada, Shopee, TikTok Shop ซึ่งแน่นอนว่าการที่ได้รับความสนใจสิ่งที่เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วยก็คือการแข่งขันของร้านค้าออนไลน์ใน Marketplace เพราะประเภทสินค้าที่เหมือนกันหรือมีความคล้ายกันก็จะทำให้ผู้ซื้อเกิดการเปรียบเทียบก่อนซื้อ และเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ร้านค้าออนไลน์ควรต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้และทำให้แบรนด์เติบโตได้ในระยะยาว  SLA คือข้อตกลงระดับการให้บริการที่ผู้ขายต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น บทความนี้เราจะมาพูดถึงปัจจัยที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ร้านค้ามีเรตติ้งคะแนนร้านค้าที่ดีและเป็นส่วนช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วยนั้นก็คือ SLA (Service Level Agreement) แน่นอนว่าการมีเรตติ้งร้านค้าที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากความคาดหวังของลูกค้ามีสูงขึ้นเรื่อย ๆ การรักษามาตรฐาน SLA ที่ดีจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งในเรื่องของความรวดเร็วในการจัดการออเดอร์ไปจนถึงจัดส่ง คุณภาพของสินค้าที่ตรงตามที่ระบุ และการให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว  SLA คืออะไร?  Service Level Agreement หรือ SLA คือข้อตกลงในการให้บริการระหว่างร้านค้าและแพลตฟอร์มการขาย ซึ่งก็จะเป็นในส่วนข้อตกลงในการให้บริการเพื่อวัดคุณภาพการจัดส่งของร้านค้า การที่ร้านค้าปฏิบัติตามข้อตกลง SLA ของแพลตฟอร์มจะช่วยให้ร้านค้า ไม่โดนคะแนนบทลงโทษ สามารถเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ ๆ เพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า SLA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง  การทำธุรกิจออนไลน์บน Marketplace […]