Knowledge Center

3 ข้อควรระวังสำหรับธุรกิจ E-Commerce ยุคใหม่

3 ข้อควรระวังสำหรับธุรกิจ E-Commerce ยุคใหม่

          E-Commerce หรือการซื้อขายออนไลน์นั้นมีความก้าวหน้า และพัฒนาขึ้นทุก ๆ วัน และยิ่งเติบโตเพิ่มมากขึ้นโดยจะไม่มีวันถอยหลังอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหรือ ช็อปออนไลน์ที่มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาคนไทยใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 8.44 ชั่วโมงต่อวัน และเวลาที่ใช้อินเทอร์เน็ตสูงสุดอันดับ 9 ของโลกเลยทีเดียว

           แล้วรู้หรือไม่? ว่าไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์เล็กหรือใหญ่ ธุรกิจต่าง ๆ มักติดอยู่กับสิ่งเดียวกันในช่วงแรก ๆ โดยในบทความนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้ผู้ขาย หรือเจ้าของธุรกิจได้ตระหนัก และไม่ลืมคิดถึงจุดที่ส่งผลต่อธุรกิจออนไลน์ของคุณเหล่านี้ค่ะ

1. มองในมุมลูกค้า ใส่ใจ “รีวิว”

           ธุรกิจต้องไม่มองข้ามจุดแข็งของตัวเอง เพราะ “Overlooking your core competency” อาจเป็นข้อบกพร่องที่ร้านค้ามองข้ามไปในจุดนี้จากงานวิจัยพฤติกรรมของลูกค้า พบว่าลูกค้าหรือผู้บริโภคถึง 42 % ทิ้งสินค้าที่กดไว้ในตะกร้าสินค้าออนไลน์เพราะเลือกได้ยาก หรือไม่รู้ว่าต้องเลือกอะไรเมื่อมีตัวเลือกมากเกินไป

           ดังนั้นธุรกิจต่าง ๆ ที่เข้ามาขายออนไลน์ หรือลุยตลาด E-Commerce มากขึ้นต้องโฟกัส หรือเน้นจุดเด่นของตัวเองให้มากที่สุด หากคุณไม่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะสร้างความเชื่อมั่น หรือไว้ใจในสินค้า เว้นแต่ลูกค้าจะได้ลองใช้ แล้วถูกใจในคุณภาพจริง ๆ

          ซึ่งวิธีการที่จะสร้างลูกค้านั้นก็ไม่ยากและซับซ้อนอย่างที่คิดค่ะ อาจจะเริ่มต้นจากอะไรง่าย ๆ เช่น คิดว่าเราเป็นลูกค้าคนหนึ่ง เราจะเจออะไรบ้างในร้าน ลองเข้าไปเลือกสินค้าในฐานะลูกค้าดูนะคะ หรือสามารถเลือกสินค้าที่คิดว่าโดดเด่นที่สุดของเรา หรือเป็นสินค้าเรือธงที่เราตั้งใจที่สุด ลงขาย และสั่งซื้อ (โดยเฉพาะร้านค้าบน Marketplace) อาจจะลองเขียนจุดเด่นในรีวิวด้วยก็ได้ เพื่อเพิ่มยอดให้กับร้านค้า ซึ่งทริคเล็ก ๆ แต่ไม่ลับนี้ หลาย ๆ คนคงมองข้ามไป แต่ว่าสำคัญนะคะ หรือสำหรับร้านค้าที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การวาง journey ลูกค้าก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ ลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา แล้วต้องเจออะไรบ้าง ไปไหนต่อ และ journey นั้นๆ มีประสิทธิภาพส่งผลต่อการขายได้มากที่สุดเเล้วหรือยัง

2. งบประมาณหรือเงินลงทุนในการขาย E-Commerce

          ในการสร้างร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จ ผู้ค้าปลีกต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายของช่องทางการขายที่แตกต่างกันออกไป เพราะค่าธรรมเนียมการขายแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Marketplace เว็บไซต์ หรือการขายบน Social media หรือ Social Commerce ดังนั้นเจ้าของธุรกิจ หรือผู้ขายเองต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในจุดนี้ที่แตกต่างจากการขายออฟไลน์ อาจจะสะดวกสบายมากกว่า เพราะคุณไม่ต้องเฝ้าร้านตลอดเวลา แต่อาจจะต้องโฟกัสร้านค้าให้มากในช่วงแรก โฟกัสอื่น ๆ ที่ขาดไม่ได้คือ กำไร เรท conversion และ traffic ของลูกค้าในร้านค้าของเรา สองสิ่งแรกอาจควบคุมได้ยาก จากปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่าง ภายนอกก็ตาม แต่สิ่งที่คุณสามารถโฟกัสและควบคุมได้มากที่สุด คือ traffic ของลูกค้า นั่นเองค่ะ

          การสร้าง traffic ของลูกค้า นั้นทำได้โดยร้านค้าหรือเจ้าของธุรกิจต้องโฟกัสสามข้อหลัก ๆ ดังนี้นะคะ 1. อะไรที่ทำให้สินค้าหรือบริการของคุณโดดเด่นไม่เหมือนใคร 2. สามารถสื่อสารไปถึงลูกค้าได้ดีที่สุดอย่างไร? 3. สิ่งที่สื่อถึงลูกค้ามีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ไหน สามสิ่งนี้คือสิ่งที่สามารถทำให้ดึงดูด traffic ของลูกค้าเข้ามาได้มากขึ้นค่ะ

3. Fulfillment & Logistics

          การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด E-Commecre ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดสูงมาก ผู้ขายนอกจากจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายและขยายช่องทางการขายแล้ว ยังต้องคำนึงถึงระบบหลังบ้านที่เมื่อเป็น E-Commerce มักจะหลีกเลี่ยงได้ยากอย่างการทำ Fulfillment เช่น เก็บ แพ็ค ส่งสินค้า เพราะคุณต้องพัฒนาหลังบ้านไปพร้อม ๆ กับการแข่งขันหน้าบ้านด้วย

         นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้าน Logistics ที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะคุณภาพสินค้าที่เท่ากัน ราคาเท่ากัน แต่หากบริการของร้านค้าของคุณโดดเด่น หรือมอบความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากกว่า นั่นหมายถึง ลูกค้ามีโอกาสที่จะประทับใจและพึงพอใจในบริการจนกลายมาเป้นลูกค้าประจำ หรือเกิดความสัมพันธ์อันดีต่อแบรนด์ต่อไปได้ค่ะ

MyCloudFulfillment ช่วยผู้ประกอบการได้อย่างไร?

          สำหรับธุรกิจที่ขายสินค้าหลายช่องทางที่กำลังมองหาบริการ Fulfillment หรือ บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง MyCloudFulfillment ยินดีจะเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณด้วยบริการที่อำนวยความสะดวกให้กับคุณได้ ดังนี้

– เรามีบริการพิเศษ และแพ็คเกจที่เหมาะแก่ความต้องการตามขนาดธุรกิจ และยอดขายจริงของคุณ

– เราเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ (API) ขายได้อัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น Marketplace, Website, ขนส่งต่างๆ หรือ กระทั่ง ERP ของบริษัท ทำให้เรารับออเดอร์และแพ็คได้ทันที รวมถึง อัพเดทสต๊อกไปช่องทางต่าง ๆ ได้อัตโนมัติ

– เราหยิบ ตรวจ แพ็คได้ ตามใจคุณ เราเป็นที่เดียวที่สามารถ Customize ตามใจให้คุณได้ถึง 5 ขั้นตอน (สอบถามเพิ่มเติม) คุณจึงวางใจได้เลยว่า ลูกค้าคุณจะได้รับสินค้า ตามแบบที่คุณต้องการได้แน่นอน

– เรามีความยืดหยุ่นกับจำนวนพื้นที่และออเดอร์ เราเข้าใจดีว่าการขายของมีช่วงขาขึ้นและขาลง เก็บน้อยจ่ายน้อย แต่ถ้าออเดอร์เพิ่มขึ้นเราก็จัดการให้ทำให้คุณควบคุมต้นทุนตามที่ใช้บริการจริง และบริหารสต๊อกคงเหลือให้พอดีได้

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 098-278-6500
อีเมล: [email protected]
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ต่างกันยังไง?

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ปัจจุบันนี้ธุรกิจส่วนใหญ่นั้นมักจะเจาะกลุ่มตลาดออนไลน์ และให้ความสำคัญกับธุรกิจ E-commerce มากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบในการทำธุรกิจ จากเดิมที่มักจะเห็นธุรกิจแบบ B2C จนชินตา เปลี่ยนมาเป็น ธุรกิจแบบ B2B และ B2B2C เรามาทำความรู้จักธุรกิจทั้งสามแบบ ว่าคืออะไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? กันดีกว่าครับ        B2C คืออะไร B2C หรือ Business-to-Customer คือธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการระหว่างเจ้าของธุรกิจ(B) และผู้บริโภครายบุคคล(C) เป็นประเภทธุรกิจ E-commerce ที่มีความสัมพันธ์ระยะสั้นระหว่างเจ้าของธุรกิจและผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีการเข้าถึงระบบออนไลน์ และเว็บไซต์ได้ง่าย ตัวอย่างธุรกิจ B2C ได้แก่ประเภทสินค้า เช่น อาหาร, เสื้อผ้า และ ประเภทบริการ เช่น สายการบิน, โรงแรม เป็นต้น B2B คืออะไร B2B หรือ Business-to-Business คือการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุดิบ การผลิตสินค้า […]

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ต่างกันยังไง?

การทำธุรกิจแบบ B2C B2B และ B2B2C ปัจจุบันนี้ธุรกิจส่วนใหญ่นั้นมักจะเจาะกลุ่มตลาดออนไลน์ และให้ความสำคัญกับธุรกิจ E-commerce มากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบในการทำธุรกิจ จากเดิมที่มักจะเห็นธุรกิจแบบ B2C จนชินตา เปลี่ยนมาเป็น ธุรกิจแบบ B2B และ B2B2C เรามาทำความรู้จักธุรกิจทั้งสามแบบ ว่าคืออะไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? กันดีกว่าครับ        B2C คืออะไร B2C หรือ Business-to-Customer คือธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการระหว่างเจ้าของธุรกิจ(B) และผู้บริโภครายบุคคล(C) เป็นประเภทธุรกิจ E-commerce ที่มีความสัมพันธ์ระยะสั้นระหว่างเจ้าของธุรกิจและผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีการเข้าถึงระบบออนไลน์ และเว็บไซต์ได้ง่าย ตัวอย่างธุรกิจ B2C ได้แก่ประเภทสินค้า เช่น อาหาร, เสื้อผ้า และ ประเภทบริการ เช่น สายการบิน, โรงแรม เป็นต้น B2B คืออะไร B2B หรือ Business-to-Business คือการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุดิบ การผลิตสินค้า […]