Knowledge Center

ลูกค้าเก่า เอาใจยังไง? เทคนิคง่ายๆให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

ลูกค้าเก่าซื้อซ้ำ

ลูกค้าใหม่อาจเพิ่มยอดได้ไว แต่ถ้าหวังให้ธุรกิจไปได้ไกล ต้องอาศัย “ลูกค้าเก่า” ที่พร้อมกลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาคือ…ลูกค้าเก่าไม่ได้กลับมาเองเสมอไป ถ้าเราไม่ใส่ใจ ไม่กระตุ้น หรือไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้เขารู้สึกว่า “คุณยังต้องการฉันอยู่”

ลูกค้าเก่า ซื้อซ้ำ ซื้อของออนไลน์


บทความนี้จะพาคุณรู้วิธีเอาใจลูกค้าเก่าแบบไม่ต้องขายตรง แต่อยู่ตรงใจ พร้อมเทคนิคทำให้ ลูกค้าประจำ เพิ่มขึ้น และยอดขายไม่หล่นหายหลังจากปิดดีลแรก

ทำไม ลูกค้าเก่า สำคัญกว่าที่คิด?

การได้ลูกค้าใหม่ 1 คนมีต้นทุนสูงกว่าการรักษา ลูกค้าเก่า ถึง 5–7 เท่า ทั้งจากค่าโฆษณา แรงสร้างความน่าเชื่อถือ และเวลาที่ใช้ในการปิดการขาย ในขณะที่ลูกค้าเก่ารู้จักแบรนด์อยู่แล้ว รู้ว่าคุณขายอะไร มีประสบการณ์การใช้งานจริง และสามารถตัดสินใจซื้อซ้ำได้เร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าเก่าที่พอใจยังเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์ ช่วยบอกต่อหรือแนะนำให้เพื่อนซื้ออีกทางหนึ่งโดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย

ลูกค้าเก่าอยากได้อะไร?

ซื้อสินค้าออนไลน์

ลูกค้าเก่ามักมองหาสิ่งพิเศษบางอย่างที่จะทำให้พวกเขารู้สึกว่า “ฉันสำคัญ” ไม่ว่าจะเป็น โปรซื้อซ้ำ ที่เฉพาะเจาะจงกับประวัติการสั่งซื้อ, สิทธิพิเศษจากการเป็นสมาชิก หรือแม้แต่ของแถมเล็กๆ ที่ทำให้รู้ว่าคุณใส่ใจ หากคุณเป็นคนที่ขายของออนไลน์ทาง Marketplace อย่าง Shopee, Lazada หรือ TikTok อยู่แล้วก็อาจจะรู้ดีว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะมีฟีเจอร์การตลาดที่สามารถทำระบบสมาชิกได้แต่ข้อจำกัดที่เป็นผลเสียต่อแบรนด์เองนั้นก็คือ แพลตฟอร์มจะไม่อนุญาตให้นำส่งข้อมูลลูกค้าเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ เบอร์โทร หรืออีเมล ออกนอกแพลตฟอร์มการขาย ฉะนั้นคุณจึงไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้าเอามาวิเคราะห์หรือนำไปยิงแอดโฆษณาได้นั่นเอง

นอกจากนี้ พวกเขายังคาดหวังการบริการที่ไวขึ้น พูดรู้เรื่องขึ้น และตอบสนองได้ตรงจุดมากกว่าครั้งแรก ดังนั้น ความรวดเร็วและความแม่นยำในการให้บริการจึงสำคัญไม่แพ้การขายของ

คลังสินค้าออนไลน์ MyCloud Fulfillment

MyCloud Fulfillment คลังสินค้าออนไลน์ที่เปิดให้บริการตลอด 365 วัน จัดการออเดอร์ตลอด 24 ชั่วโมง นำส่งพัสดุให้กับขนส่งชั้นนำทุกวันไม่เว้นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์จัดการออเดอร์ได้เร็วทันใจ ส่งทันถึงมือลูกค้าปลายทางได้อย่างมืออาชีพ

เทคนิคเอาใจลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำ

  • ใช้โปรโมชั่นเฉพาะ

อย่าทำโปรแบบเดียวกับที่ให้ลูกค้าใหม่ ลองเพิ่ม “โปรโมชั่นลูกค้าเก่า” ที่ทำให้รู้สึกว่าได้สิทธิพิเศษ โปรเหล่านี้ไม่เพียงแต่กระตุ้นการซื้อซ้ำ แต่ยังสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ารีบกลับมาซื้อเร็วขึ้นด้วย เช่น

จัดโปรโมชั่น ให้ลูกค้าเก่า หรือ ลูกค้าประจำ
  • ซื้อรอบที่ 2 ลดเพิ่ม 15%
  • กลับมาซื้อใน 30 วัน รับของแถมฟรี
  • โปรซื้อซ้ำเฉพาะรุ่นที่เคยซื้อเท่านั้น
  • มีระบบสมาชิกหรือสะสมแต้ม

หนึ่งในวิธีที่ได้ผลที่สุดในการเปลี่ยน ลูกค้าธรรมดาให้กลายเป็นลูกค้าประจำ ก็คือการสร้างระบบสมาชิกหรือระบบสะสมแต้ม (Loyalty Program) ที่ชัดเจนและมีแรงจูงใจที่น่าสนใจ

ระบบสมาชิก CRM ลูกค้าประจำ

ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการแค่ “ราคาถูก” แต่พวกเขาต้องการ ความรู้สึกว่าทุกการซื้อของเขามีความหมาย และจะได้รับบางสิ่งกลับคืน ระบบสะสมแต้มช่วยเติมเต็มจุดนี้ได้เป็นอย่างดี เช่น
– ทุกการซื้อ 100 บาท = 1 แต้ม
– สะสมครบ 20 แต้ม แลกรับส่วนลด 100 บาท
– หรือสะสมแต้มเพื่อแลกของขวัญลิมิเต็ดเฉพาะสมาชิก

แบรนด์สามารถเพิ่มระดับสมาชิก เช่น Silver, Gold, Platinum โดยแต่ละระดับมีสิทธิพิเศษแตกต่างกันไป เช่น ได้ส่วนลดมากกว่า, ได้รับสินค้าใหม่ก่อนใคร, เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ เป็นต้น

นอกจากนี้ การแจ้งเตือนอัตโนมัติ เช่น “คุณเหลืออีกเพียง 3 แต้ม จะได้รับของขวัญพิเศษ” หรือ “อย่าลืมใช้แต้มก่อนหมดอายุ” ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้แรงขายมาก

สะสมแต้มสมาชิก CRM

ความลับของ Loyalty Program ที่ดีไม่ใช่แค่ “แจกแต้ม” แต่คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “แบรนด์นี้เห็นคุณค่าในทุกการซื้อของฉัน” ซึ่งเมื่อความรู้สึกนั้นเกิดขึ้น ยอดซื้อซ้ำก็จะตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ

  • ส่งอีเมลหรือแจ้งเตือนส่วนตัว

สื่อสารแบบ Personalization จะทำให้ลูกค้าเก่ารู้สึกว่าแบรนด์ “รู้จักเขา” การสื่อสารที่ตั้งใจและเฉพาะเจาะจงจะทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันมากขึ้น และพร้อมจะกลับมาซื้ออีกเช่น

E-mail Marketing
  • แจ้งเตือนว่าสินค้าที่เคยซื้อใกล้หมด
  • แนะนำรุ่นใหม่ที่คล้ายกับที่เคยซื้อ
  • ส่งโปรวันเกิด/ขอบคุณเฉพาะคนที่ซื้อครบ 3 ครั้ง
  • ประทับใจตั้งแต่หลังกล่อง

บริการหลังการขายที่ดี เช่น การ์ดเขียนมือ ขอบคุณที่สั่งซื้อ การตอบกลับที่รวดเร็ว หรือของแถมเล็กๆ น้อยๆ ล้วนสร้างความรู้สึกว่า “แบรนด์นี้ใส่ใจ” และส่งผลให้ลูกค้ากลับมาเอง

พฤติกรรม ลูกค้าเก่า ที่พร้อมซื้อซ้ำ

ลูกค้าเก่าอาจจะไม่พูดออกมาตรงๆ ว่า “ฉันอยากกลับมาซื้ออีกนะ” แต่ถ้าเราสังเกตให้ดี จะเห็นสัญญาณบางอย่างที่แสดงถึงความสนใจและความลังเลของพวกเขาอยู่เสมอ เช่น การค้นหาชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้าที่เคยซื้อ แสดงว่าพวกเขายังจดจำแบรนด์ได้ และกำลังอยู่ในช่วง “พิจารณา” ว่าจะกลับมาซื้อซ้ำดีไหม

 การค้นหาชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้าที่เคยซื้อ

บางครั้งพวกเขาอาจจะเข้าเว็บไซต์เดิม หรือแอปเดิม แล้วคลิกดูสินค้าตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่ได้สั่งซื้อทันที ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เรียกว่า “Warm Audience” หรือ “ผู้ที่กำลังสนใจ” ซึ่งถ้าเรารู้เท่าทันพฤติกรรมนี้ ก็สามารถยิงแอด Retargeting หรือส่งข้อความส่วนตัวเพื่อดึงเขากลับมาได้อย่างแม่นยำ

ลูกค้ากดไลค์ กดแชร์

นอกจากนี้ การที่ลูกค้ากดไลก์โพสต์ อ่านรีวิว หรือทักแชทมาถามว่า “ยังมีโปรลูกค้าเก่าอยู่ไหมคะ?” คือสัญญาณชัดเจนว่าเขาอยากซื้อซ้ำ แต่กำลังรอจังหวะที่รู้สึกว่า “คุ้มค่า” หรือ “พิเศษพอ” ที่จะกลับมาอีกครั้ง

ถ้าแบรนด์มีระบบหลังบ้าน เช่น CRM หรือ OMS ที่สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ เช่น ดูว่าลูกค้าคนนี้ซื้ออะไรไปเมื่อไหร่ เคยใช้โค้ดโปรไหน เคยเปิดอีเมลกี่ครั้ง หรือเข้ามาดูสินค้าชิ้นใดซ้ำบ้าง เราก็จะสามารถออกแบบแคมเปญ โปรโมชัน หรือข้อความสื่อสารที่ “ตรงใจ” และ “ตรงเวลา” ได้มากขึ้น ไม่ใช่การยิงโปรมั่วๆ แบบหว่านแหอีกต่อไป

สรุปบทความ

การสร้างยอดขายระยะยาวไม่ได้อยู่ที่การหาลูกค้าใหม่เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การดูแลลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกค้าเก่ามีต้นทุนการรักษาต่ำ ตัดสินใจซื้อไว และพร้อมบอกต่อหากพอใจ สำหรับเทคนิคดูแลลูกค้าเก่าโดยไม่ต้องขายตรง เช่น การทำโปรเฉพาะลูกค้าเก่า ระบบสมาชิก/สะสมแต้ม การสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) และบริการหลังการขายที่น่าประทับใจ พร้อมทั้งเน้นว่าการเข้าใจพฤติกรรมเล็กๆ ของลูกค้าเก่า เช่น การกลับมาดูสินค้าเดิม การแชทถามโปร หรือเปิดอีเมลซ้ำๆ คือโอกาสทองในการกระตุ้นยอดซื้อซ้ำ หากแบรนด์มีระบบหลังบ้านหรือ CRM ที่เก็บพฤติกรรมลูกค้าได้ ก็จะช่วยให้ยิงแคมเปญได้แม่นยำ ตรงใจ และเพิ่มยอดได้อย่างยั่งยืน.

คลังสินค้า MyCloud Fulfillment

MyCloud Fulfillment พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเติบโตได้อย่างราบรื่น ด้วยบริการครบวงจรทั้งการจัดเก็บสินค้าในคลังขนาดกว่า 10,000 ตร.ม. รองรับการขยายตัวของธุรกิจอย่างมืออาชีพ บริการแพ็กสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำสูงถึง 99.5% พร้อมทีมงานกว่า 1,200 คน (ทั้งพนักงานประจำและพาร์ทไทม์) ที่พร้อมรับมือกับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงแคมเปญใหญ่

MyCloud Fulfillment

นอกจากนี้ เรายังเชื่อมต่อกับขนส่งชั้นนำ ส่งออเดอร์ได้ตรงตามรอบ SLA ของ Marketplace สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทั้งใหม่และเก่า อีกทั้งการจัดการออเดอร์ที่มีประสิทธิภาพยังช่วยให้ร้านค้าของคุณได้รับคะแนนประเมินที่ดีจากแพลตฟอร์ม ช่วยเพิ่มการมองเห็นสินค้าและดึงดูดลูกค้าใหม่ พร้อมสร้างโอกาสให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำ หากสนใจบริการคลังสินค้าออนไลน์ที่จะเข้าช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้แบบไม่มีสะดุด ติดต่อเราได้เลยค่ะ

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ https://www.mycloudfulfillment.com/quotation 

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร: 092-472-774202-138-9920

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

5 ข้อดีของการเปิดหน้าร้าน – MyCloudFulfillment

ในยุคที่ใครๆ ก็ขายของออนไลน์ การมีหน้าร้าน ยังจำเป็นอยู่ไหม? ถ้าเปิดแล้วจะช่วยให้ขายดีขึ้นหรือเปล่า? คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า… ลูกค้าจะมาจากหน้าร้านมากน้อยแค่ไหน? แล้วแบรนด์คุณจำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม? ถ้าจำเป็น… ก็เปิด ถ้ายังไม่จำเป็น… ก็อย่าเพิ่งเปิดครับ แต่ถ้าถามผมว่า มีหน้าร้านแล้วมันดีไหม? แน่นอนมันต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่แล้ว ถ้าตัดเรื่องค่าเช่าที่ หรือค่าจ้างพนักงานออกไป ก็มีข้อดีเยอะแยะเลยครับ เท่าที่ผมคิดออกมี 5 ข้อ ลองอ่านแล้วเอาไปตัดสินใจกันดูนะครับ 1.ลูกค้ากล้าซื้อ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของออฟไลน์ที่ร้านค้าออนไลน์ก็ยังทดแทนตรงนี้ไม่ได้การขายของแบบไม่เห็นหน้ากันมันจะมีความไม่สบายใจลูกค้าก็จะมีคำถามในใจว่า “จะโดนโกงไหมนะ” ฝั่งพ่อค้าแม่ค้าก็จะหงุดหงิดว่า “เมื่อไหร่จะโอน” แต่ถ้าเรามีหน้าร้าน ก็ตัดปัญหาตรงนี้ไปได้เลยครับลูกค้าจะรู้สึกว่า สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาเราจะไม่หนีหายไป เพราะเราสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้ทุกที่ทุกเวลา  2.ได้ลองสินค้าจริง ตัดสินใจซื้อง่าย ผู้บริโภคยังมีความคิดที่ว่า ไม่เห็นไม่ซื้อถึงแม้จะเห็นรูปสินค้าออนไลน์อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังต้องการประสบการณ์ตรงกับตัวสินค้า เช่น สัมผัส มองเห็น ดมกลิ่น ได้ทดลองสินค้าจริงๆ ถ้าคุณขายของประเภทเสื้อผ้า หรือความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว น้ำหอม ฯลฯ การเปิดหน้าร้านก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เร็วขึ้นด้วยนะครับ คุณอาจจะโปรโมทจากช่องทางออนไลน์ของร้านคุณว่ามีโปรโมชั่นนี้ที่หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านก็ได้ก็เป็นการเชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน 3.รู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า […]

ระบบ TMS คืออะไร เหมาะสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์อย่างไร

ปัจจุบันธุรกิจในตลาดธุรกิจออนไลน์ (E-commerce) ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับผู้ประกอบการหลายราย แต่ปัจจัยสำคัญที่ชี้วัดความสำเร็จนั้น ไม่ใช่แค่คุณภาพของสินค้าหรือกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์และการขนส่งด้วย ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งสินค้าที่ล่าช้า ขาดความแม่นยำหรือมีต้นทุนสูงเกินไป อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ กำไรและที่สำคัญที่สุดคือความพึงพอใจของลูกค้า ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หนึ่งในนั้น คือระบบ TMS (Transportation Management System)  ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า ระบบ TMS คืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจขายของออนไลน์ในปัจจุบัน      ระบบ TMS คืออะไร ระบบ TMS คือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวางแผน ดำเนินการ ควบคุม ตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขนส่งสินค้าทั้งหมดได้อย่างเป็นระบบและครบวงจร คำว่า TMS ย่อมาจาก Transportation Management System หรือระบบบริหารจัดการการขนส่งที่คอยจัดการทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า ตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อ วางแผนเลือกเส้นทางและยานพาหนะที่เหมาะสมที่สุด มอบหมายงานให้พนักงานขับรถ ติดตามตำแหน่งและสถานะของสินค้าแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการจัดการเอกสาร การคำนวณต้นทุนและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ     หากมองในภาพรวมของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มันไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนสำคัญที่มักจะทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ […]

Shopee ส่งด่วน ภายในวัน กฏใหม่ที่”คนขายต้องรู้!

แค่แพ็กและส่งออเดอร์ให้ทันแต่ละรอบ ก็เหนื่อยสุดๆ แล้ว! แต่ล่าสุด Shopee ประกาศปรับนโยบายครั้งใหญ่ ขยับเส้นตายการจัดส่งจากเดิมภายใน 1 วัน เป็น “Shopee ส่งด่วน ภายในวัน” (เริ่ม 1 ก.ย. 68 นี้) เป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ร้านค้าออนไลน์ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน เพราะหากยังใช้วิธีแพ็กและส่งแบบเดิม อาจส่งของไม่ทันตามกำหนด ไม่ใช่แค่ลูกค้าไม่พอใจ แต่ยังเสี่ยงถูกหักคะแนนร้าน หรือแย่กว่านั้น คือถูกระงับการขายทั้งชั่วคราวและถาวรเลยทีเดียว! บทความนี้ MyCloud จะพาคุณเจาะลึกให้เข้าใจว่า ทำไม Shopee ถึงต้องปรับนโยบายนี้ สาเหตุอะไรที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหลายรายส่งไม่ทัน พร้อมแนวทางรับมือในศึก Shopeeส่งด่วน นี้แบบมือโปร ทำไม Shopee ต้องให้ส่งเร็วขึ้น? เหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็วมากขึ้น และการแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่นที่เริ่มใช้โมเดล same day delivery เป็นมาตรฐาน เช่น TikTok Shop และ Lazada ที่ขยับเวลาในการส่งไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด Shopee จึงปรับนโยบายเพื่อรักษามาตรฐานด้านประสบการณ์ผู้ซื้อ โดยมองว่าการส่งของภายในวันที่ลูกค้าสั่งซื้อ (ถ้าชำระเงินก่อนเที่ยง) จะช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าเร็วขึ้น […]

5 ข้อดีของการเปิดหน้าร้าน – MyCloudFulfillment

ในยุคที่ใครๆ ก็ขายของออนไลน์ การมีหน้าร้าน ยังจำเป็นอยู่ไหม? ถ้าเปิดแล้วจะช่วยให้ขายดีขึ้นหรือเปล่า? คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า… ลูกค้าจะมาจากหน้าร้านมากน้อยแค่ไหน? แล้วแบรนด์คุณจำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม? ถ้าจำเป็น… ก็เปิด ถ้ายังไม่จำเป็น… ก็อย่าเพิ่งเปิดครับ แต่ถ้าถามผมว่า มีหน้าร้านแล้วมันดีไหม? แน่นอนมันต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่แล้ว ถ้าตัดเรื่องค่าเช่าที่ หรือค่าจ้างพนักงานออกไป ก็มีข้อดีเยอะแยะเลยครับ เท่าที่ผมคิดออกมี 5 ข้อ ลองอ่านแล้วเอาไปตัดสินใจกันดูนะครับ 1.ลูกค้ากล้าซื้อ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของออฟไลน์ที่ร้านค้าออนไลน์ก็ยังทดแทนตรงนี้ไม่ได้การขายของแบบไม่เห็นหน้ากันมันจะมีความไม่สบายใจลูกค้าก็จะมีคำถามในใจว่า “จะโดนโกงไหมนะ” ฝั่งพ่อค้าแม่ค้าก็จะหงุดหงิดว่า “เมื่อไหร่จะโอน” แต่ถ้าเรามีหน้าร้าน ก็ตัดปัญหาตรงนี้ไปได้เลยครับลูกค้าจะรู้สึกว่า สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาเราจะไม่หนีหายไป เพราะเราสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้ทุกที่ทุกเวลา  2.ได้ลองสินค้าจริง ตัดสินใจซื้อง่าย ผู้บริโภคยังมีความคิดที่ว่า ไม่เห็นไม่ซื้อถึงแม้จะเห็นรูปสินค้าออนไลน์อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังต้องการประสบการณ์ตรงกับตัวสินค้า เช่น สัมผัส มองเห็น ดมกลิ่น ได้ทดลองสินค้าจริงๆ ถ้าคุณขายของประเภทเสื้อผ้า หรือความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว น้ำหอม ฯลฯ การเปิดหน้าร้านก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เร็วขึ้นด้วยนะครับ คุณอาจจะโปรโมทจากช่องทางออนไลน์ของร้านคุณว่ามีโปรโมชั่นนี้ที่หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านก็ได้ก็เป็นการเชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน 3.รู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า […]

ระบบ TMS คืออะไร เหมาะสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์อย่างไร

ปัจจุบันธุรกิจในตลาดธุรกิจออนไลน์ (E-commerce) ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับผู้ประกอบการหลายราย แต่ปัจจัยสำคัญที่ชี้วัดความสำเร็จนั้น ไม่ใช่แค่คุณภาพของสินค้าหรือกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์และการขนส่งด้วย ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งสินค้าที่ล่าช้า ขาดความแม่นยำหรือมีต้นทุนสูงเกินไป อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ กำไรและที่สำคัญที่สุดคือความพึงพอใจของลูกค้า ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หนึ่งในนั้น คือระบบ TMS (Transportation Management System)  ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า ระบบ TMS คืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจขายของออนไลน์ในปัจจุบัน      ระบบ TMS คืออะไร ระบบ TMS คือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวางแผน ดำเนินการ ควบคุม ตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขนส่งสินค้าทั้งหมดได้อย่างเป็นระบบและครบวงจร คำว่า TMS ย่อมาจาก Transportation Management System หรือระบบบริหารจัดการการขนส่งที่คอยจัดการทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า ตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อ วางแผนเลือกเส้นทางและยานพาหนะที่เหมาะสมที่สุด มอบหมายงานให้พนักงานขับรถ ติดตามตำแหน่งและสถานะของสินค้าแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการจัดการเอกสาร การคำนวณต้นทุนและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ     หากมองในภาพรวมของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มันไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนสำคัญที่มักจะทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ […]

Shopee ส่งด่วน ภายในวัน กฏใหม่ที่”คนขายต้องรู้!

แค่แพ็กและส่งออเดอร์ให้ทันแต่ละรอบ ก็เหนื่อยสุดๆ แล้ว! แต่ล่าสุด Shopee ประกาศปรับนโยบายครั้งใหญ่ ขยับเส้นตายการจัดส่งจากเดิมภายใน 1 วัน เป็น “Shopee ส่งด่วน ภายในวัน” (เริ่ม 1 ก.ย. 68 นี้) เป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ร้านค้าออนไลน์ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน เพราะหากยังใช้วิธีแพ็กและส่งแบบเดิม อาจส่งของไม่ทันตามกำหนด ไม่ใช่แค่ลูกค้าไม่พอใจ แต่ยังเสี่ยงถูกหักคะแนนร้าน หรือแย่กว่านั้น คือถูกระงับการขายทั้งชั่วคราวและถาวรเลยทีเดียว! บทความนี้ MyCloud จะพาคุณเจาะลึกให้เข้าใจว่า ทำไม Shopee ถึงต้องปรับนโยบายนี้ สาเหตุอะไรที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหลายรายส่งไม่ทัน พร้อมแนวทางรับมือในศึก Shopeeส่งด่วน นี้แบบมือโปร ทำไม Shopee ต้องให้ส่งเร็วขึ้น? เหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็วมากขึ้น และการแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่นที่เริ่มใช้โมเดล same day delivery เป็นมาตรฐาน เช่น TikTok Shop และ Lazada ที่ขยับเวลาในการส่งไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด Shopee จึงปรับนโยบายเพื่อรักษามาตรฐานด้านประสบการณ์ผู้ซื้อ โดยมองว่าการส่งของภายในวันที่ลูกค้าสั่งซื้อ (ถ้าชำระเงินก่อนเที่ยง) จะช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าเร็วขึ้น […]