เมื่อพูดถึงธุรกิจ SMEs หลายคนอาจนึกถึงร้านเล็ก ๆ หรือกิจการที่เริ่มต้นจากคนเพียงไม่กี่คน แต่รู้ไหมว่า ธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ กลับเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย และมีศักยภาพเติบโตได้ถึงหลักร้อยล้านเลยทีเดียว ถ้าเดินเกมถูกทาง เพราะทุกวันนี้โลกหมุนเร็ว พัฒนาไว ทำให้เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ หรือแม้แต่การตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ก็ถือเป็นตัวเร่งสำคัญที่ช่วยขยายฐานลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้แบบก้าวกระโดด
ดังนั้น ในบทความนี้ MyCloud จะพาคุณไปเจาะลึกว่า ธุรกิจ SMEs คืออะไร มีข้อดีอะไรบ้าง ต่างจาก Startup ยังไง และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs แล้วอยากปั้นยอดขายให้แตะหลักร้อยล้าน จะต้องทำยังไงบ้าง มาดูกันเลย!
ธุรกิจ SMEs คืออะไร
ธุรกิจ SMEs ย่อมาจาก “Small and Medium Enterprises” หรือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คือธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ ๆ โดยปกติจะพิจารณาจากรายได้ต่อปี จำนวนพนักงาน หรือมูลค่าสินทรัพย์ กระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้กำหนดนิยามของธุรกิจ SMEs ไว้ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทธุรกิจ เช่น ธุรกิจการผลิต ธุรกิจบริการและธุรกิจค้าส่งค้าปลีก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจกลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ข้อดีของการเป็นธุรกิจ SMEs ในยุคออนไลน์
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจ SMEs หลาย ๆ เจ้ากลับมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง ดังนี้
สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ใกล้ชิดกว่า
ธุรกิจ SMEs มักจะมีโครงสร้างที่กะทัดรัด ทำให้เจ้าของและทีมงานสามารถสื่อสารและทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้โดยตรงและรวดเร็ว คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ตอบคำถาม ให้คำแนะนำ หรือแม้กระทั่งปรับปรุงสินค้าและบริการได้ทันที เมื่อได้รับฟีดแบ็ก ซึ่งการเข้าถึงที่ใกล้ชิดนี้เองที่ช่วยสร้างความภักดีของลูกค้าได้ดีกว่า
ต้นทุนเริ่มต้นน้อย ปรับตัวเร็ว
เมื่อเทียบกับการเริ่มต้นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนมหาศาล ธุรกิจ SMEs สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินทุนที่ไม่มากนัก และยังมีความยืดหยุ่นสูงในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือทิศทางของธุรกิจ หากพบว่าสินค้าหรือบริการไม่ตอบโจทย์ตลาดก็สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนเหมือนองค์กรขนาดใหญ่ ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากร
มีโอกาสเติบโตไว ถ้าเจอ Product-Market Fit
ธุรกิจ SMEs ของคุณจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วเมื่อคุณเจอ “Product-Market Fit” หรือก็คือจุดที่สินค้าหรือบริการของคุณตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างลงตัว เมื่อเป็นแบบนี้ คุณจะสามารถไปโฟกัสกับการขยายธุรกิจในสิ่งที่ตลาดอยากได้ได้อย่างเต็มที่ และด้วยความคล่องตัวของธุรกิจขนาดเล็ก การขยายตลาดหรือเพิ่มกำลังการผลิตก็ทำได้ง่ายและเร็วกว่า ทำให้โอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดดเกิดขึ้นได้จริง
ธุรกิจ SMEs ต่างจาก Startup ยังไง?
หลายคนอาจสับสนระหว่าง ธุรกิจ SMEs กับ Startup เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นธุรกิจขนาดเล็กเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วมีความแตกต่างที่สำคัญอยู่ ธุรกิจ SMEs โดยทั่วไปแล้วมักจะเน้นการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่เน้นความยั่งยืนและความมั่นคง เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้าออนไลน์ หรือธุรกิจบริการทั่วไป
ในขณะที่ Startup มักจะเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ การแก้ไขปัญหาด้วยเทคโนโลยี หรือโมเดลธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน มีเป้าหมายในการเติบโตอย่างรวดเร็ว (Scalable) และมักจะมองหาเงินลงทุนจากนักลงทุนภายนอกเพื่อขยายธุรกิจในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น แม้จะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ เหมือนกัน แต่เป้าหมายและแนวทางในการดำเนินธุรกิจจะแตกต่างกันค่อนข้างมาก
ถ้าคุณอยากขายของให้เกินร้อยล้าน ต้องเริ่มจากอะไร?
การจะดันยอดขายธุรกิจ SMEs ให้แตะหลักร้อยล้านไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากคุณมีการวางแผนที่ดีและลงมือทำอย่างจริงจัง
เข้าใจตลาด-เข้าใจลูกค้า
หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ คือการเข้าใจตลาดและลูกค้าของคุณอย่างลึกซึ้ง คุณต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร พวกเขามีปัญหาอะไร ต้องการอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร และคู่แข่งของคุณคือใคร พวกเขามีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง และหาช่องว่างทางการตลาดเพื่อสร้างความได้เปรียบ
สร้าง Branding ให้โดดเด่น
ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การมี Branding ที่แข็งแกร่งและโดดเด่นจะช่วยให้ธุรกิจ SMEs ของคุณแตกต่างจากคู่แข่งได้ คุณต้องสร้างตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจน ตั้งแต่ชื่อ โลโก้ โทนสี ไปจนถึงข้อความที่ใช้สื่อสารกับลูกค้า Brand Story ที่น่าสนใจจะช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้า และทำให้พวกเขาระลึกถึงแบรนด์ของคุณเมื่อต้องการสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง
ระบบหลังบ้านที่ดีและมีประสิทธิภาพ
แน่นอนว่า พอขายของได้เยอะขึ้น ภาระงานหลังบ้านก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสต็อก การแพ็คสินค้า การจัดส่ง การตอบคำถามลูกค้าหรือแม้แต่การจัดการบัญชี หากระบบหลังบ้านของคุณไม่มีประสิทธิภาพ ก็อาจกลายเป็นคอขวดที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ การลงทุนในระบบจัดการที่ดี อย่างระบบ OMS ตัวช่วยจัดการคำสั่งซื้อตามลำดับ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ WMS ควบคุมตั้งแต่กระบวนการเข้ารับสินค้า QC สินค้า จัดเก็บสต๊อกสินค้าไปจนถึงขั้นตอนหยิบ แพ็คและจัดส่งให้ถึงมือลูกค้าปลายทาง ซึ่งมั่นใจได้เลยว่า การมีระบบหลังบ้านที่ดีและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณทำงานได้รวดเร็ว ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร้านค้าขอบงคุณได้อย่างแน่นอน
4 เทคนิคที่ช่วยให้ธุรกิจ SMEs ขายของแตะหลักร้อยล้านได้จริง
นอกจากการวางรากฐานที่แข็งแกร่งแล้ว ยังมีเทคนิคสำคัญอีก 4 อย่างที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจ SMEs ของคุณก้าวไปสู่ยอดขายหลักร้อยล้านได้ ดังนี้
ช่องทางการขายที่หลากหลาย
อย่าจำกัดตัวเองอยู่แค่ช่องทางเดียว ในยุคปัจจุบันลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากหลายช่องทาง คุณควรมีช่องทางการขายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ E-commerce ของตัวเอง, Marketplace ชั้นนำ เช่น Lazada, Shopee หรือช่องทาง Social Commerce อย่าง Facebook, Instagram, LINE OA รวมถึงหน้าร้าน เพราะการมีช่องทางที่หลากหลายจะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขายได้มากยิ่งขึ้น
วางแผนสต๊อกสินค้าให้แม่นยำ
บริหารจัดการสต๊อกสินค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การมีสต็อกสินค้ามากเกินไปจะทำให้เงินทุนจม และอาจเกิดสินค้าค้างสต็อกหรือเสื่อมสภาพ ในทางกลับกัน การมีสต็อกสินค้าน้อยเกินไปจะทำให้เสียโอกาสในการขายเมื่อสินค้าขาดตลาด การใช้ข้อมูลการขายในอดีตและคาดการณ์ความต้องการในอนาคตจะช่วยให้คุณวางแผนสต็อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
นอกจากนี้ การมี Inventory Dashboard หรือระบบแสดงข้อมูลสต๊อกสินค้า จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของสินค้าที่มีอยู่ ยอดขายและสินค้าที่ใกล้หมดได้ทันที ช่วยให้ตัดสินใจเติมสต๊อกหรือปรับแผนการจัดซื้อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดโอกาสการขาดหรือเกินสต๊อก และทำให้การบริหารจัดการเป็นระบบมากขึ้น
ใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า
ธุรกิจ SMEs ในยุคนี้สามารถเข้าถึง Big Data ได้ง่ายกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, ระบบ CRM หรือแม้แต่ข้อมูลจาก Marketplace ซึ่งการนำ Big Data มาวิเคราะห์จะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง เช่น สินค้าที่ลูกค้าสนใจ ช่วงเวลาที่ลูกค้าซื้อหรือช่องทางที่ลูกค้าเข้ามา การนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดและการขายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยอดขายได้
สร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ให้เหนือคู่แข่ง
ในตลาดที่สินค้าหรือบริการมีความคล้ายกันมาก สิ่งที่ทำให้ธุรกิจคุณโดดเด่นและแตกต่าง คือประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับ ตั้งแต่เริ่มรู้จักจนถึงหลังการซื้อ การสร้างประสบการณ์ที่ดีจึงเป็นกุญแจสำคัญ เช่น การนำเสนอข้อมูลสินค้าที่ชัดเจน กระบวนการสั่งซื้อที่ง่ายและสะดวก การจัดส่งรวดเร็วและบริการหลังการขายที่ประทับใจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจ มีความภักดีต่อแบรนด์และพร้อมบอกต่อธุรกิจของคุณให้กับคนอื่น ๆ
สรุปบทความ
ธุรกิจ SMEs ไม่ใช่แค่ธุรกิจเล็ก ๆ แต่เป็นกำลังสำคัญที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในปัจจุบัน ดังนั้น การทำความเข้าใจว่า ธุรกิจ SMEs คืออะไร และนำข้อดีของการเป็นธุรกิจขนาดเล็กมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะช่วยให้คุณสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ หากคุณมีความเข้าใจในตลาดและลูกค้าอย่างลึกซึ้ง สร้างแบรนด์ที่โดดเด่น มีระบบหลังบ้านที่ดีเยี่ยม และนำ 4 เทคนิคสำคัญไปปรับใช้ ทั้งการมีช่องทางการขายที่หลากหลาย การวางแผนสต็อกสินค้าที่แม่นยำ การใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าคู่แข่ง MyCloud เชื่อว่า ธุรกิจ SMEs ของคุณก็สามารถสร้างยอดขายให้ทะลุหลักร้อยล้าน และเติบโตอย่างยั่งยืนได้แน่นอน!
MyCloud Fulfillment พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์คนสำคัญที่ช่วยดูแลทุกขั้นตอนหลังบ้าน ด้วยระบบ Fulfillment Serives ตั้งแต่การรับสินค้า การจัดเก็บ การแพ็คและการจัดส่งอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจ SMEs ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านเล็กหรือกำลังขยายสู่ระดับร้อยล้าน MyCloud จะช่วยให้คุณบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น โฟกัสกับการขายและสร้างแบรนด์อย่างมั่นใจ
หากคุณต้องการพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจและพร้อมเดินเคียงข้างในทุกก้าวของธุรกิจ ติดต่อ MyCloud Fulfillment วันนี้ แล้วเริ่มต้นก้าวสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดดไปด้วยกัน!