Knowledge Center

WMS คืออะไร แก้ปัญหาคลังสินค้าด้วย ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า 

ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องรับมือกับความท้าทายในการจัดการสต็อกสินค้า การรับเข้า-จ่ายออก และการจัดส่งที่รวดเร็วตรงเวลา ระบบ WMS หรือ Warehouse Management System จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความผิดพลาด และยกระดับการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น 

WMS คืออะไร 

Warehouse Management System หรือ WMS คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การรับสินค้าเข้าคลัง การจัดเก็บ การควบคุมสต็อก ไปจนถึงการเบิกจ่ายและจัดส่งสินค้า ระบบนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ลดความผิดพลาดในการทำงาน และช่วยให้การบริหารพื้นที่คลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านการเพิ่มความแม่นยำในการจัดการสต็อกและลดการสูญเสียจากสินค้าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ 

หลักการทำงานของระบบ Warehouse Management มีอะไรบ้าง 

การทำงานของระบบ WMS แบ่งออกเป็น 3 กระบวนการหลักที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การบริหารจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงสุด โดยแต่ละกระบวนการมีความสำคัญและบทบาทที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ 

1. การรับสินค้า

กระบวนการรับสินค้าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบริหารคลังสินค้า WMS คือระบบที่ช่วยให้การรับสินค้าเป็นไปอย่างมีระบบและแม่นยำ โดยเริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเบื้องต้น (Quality Control) เปรียบเทียบกับใบสั่งซื้อสินค้า เพื่อจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เช่น รหัสสินค้า จำนวน วันที่ผลิต วันหมดอายุ ล็อตการผลิต คุณภาพและมาตรฐานของสินค้า เช่น สินค้าชิ้นนี้มีรอยแตก รอยรั่วซึมหรือไม่ จากนั้นจะทำการคัดแยกออกมาเป็นสินค้า Defect สำหรับสินค้าที่มีคุณภาพและตรงตาม QC ก็จะถูกนำไปเข้าระบบ แปะ Barcode และจัดเก็บเข้าคลังสินค้าในขั้นตอนถัดไป ทำให้สามารถติดตามและตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ   

2. การจัดเก็บสินค้า

WMS คือตัวช่วยสำคัญในการจัดเก็บสินค้า ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องการความแม่นยำและการวางแผนที่ดี ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บผ่านการวิเคราะห์และคำนวณพื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสมที่สุด โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดของสินค้า ความถี่ในการเบิกจ่าย และอัตราการหมุนเวียนของสินค้า MyCloud นำเสนอระบบ Warehouse Management System (WMS) ที่ทันสมัย ทุกขั้นตอนในการทำงานของเราใช้ Barcode เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดในการจัดการสินค้า เราไม่เพียงแค่แปะ Barcode ที่ตัวสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีการใช้ Bin สำหรับการเก็บสินค้า ซึ่งแต่ละ Bin และ Location ที่เก็บสินค้าก็จะมีการแปะ Barcode แยกต่างหาก ซึ่งจะช่วยให้การหยิบสินค้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาสินค้า และทำให้กระบวนการจัดการคลังสินค้าและบริหารสต็อกทั้งหมดมีความโปร่งใสและแม่นยำยิ่งขึ้น  

การจัดเก็บสินค้า

3. การจัดการออเดอร์

ระบบการจัดการออเดอร์ครอบคลุมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การหยิบสินค้าจนถึงการส่งมอบให้ขนส่ง โดยเริ่มจากการหยิบสินค้าตามหลัก FIFO (First In First Out) และ FEFO (First Expired First Out) เพื่อควบคุมการหมุนเวียนสินค้า จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการแพ็คสินค้าตามคำสั่งซื้อ มั่นใจว่าสินค้าที่ถึงมือลูกค้าจะไม่ขาดหรือเกิน เพราะเราจัดการออเดอร์ผ่านระบบ Barcode เพื่อตรวจสอบและจัดการสินค้าได้อย่างแม่นยำ  พร้อมทั้งมีการบันทึกวิดีโอผ่าน CCTV เป็นหลักฐานการแพ็คสินค้า ป้องกันปัญหาสินค้าสูญหาย เมื่อแพ็คสินค้าเสร็จสิ้น จะดำเนินการชั่งน้ำหนักพัสดุและส่งข้อมูลเข้าระบบเพื่อพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุ โดยบาร์โค้ดบนใบปะหน้าพัสดุนี้ ทั้ง Marketplace และบริษัทขนส่งจะใช้สถานะนี้เพื่อยืนยันว่าสินค้าพร้อมสำหรับการจัดส่งแล้ว ให้บริษัทขนส่งทราบว่า พร้อมเข้ามารับสินค้า รวมทั้งเป็นการบอก Marketplace ว่าจัดการออเดอร์เสร็จแล้วและอยู่ในกรอบของ SLA  

4. การจัดส่งสินค้า

การจัดส่งสินค้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน ระบบ WMS คือโซลูชันที่จะเข้ามาจัดการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ MyCloud เราคัดเลือกบริษัทขนส่งจากข้อมูลเชิงวิเคราะห์จาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความเร็วในการจัดส่ง อัตราความเสียหายของสินค้าและความคุ้มค่าด้านราคา เพื่อหาบริษัทขนส่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละออเดอร์ โดยมีทั้งประเภทการส่งแบบ ส่งด่วนภายใน 1 – 2 ชม. ส่งวันถัดไป บริการส่งของที่มีขนาดใหญ่ (Bulky) หรือบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) เพื่อให้สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วและปลอดภัย สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า   

ประโยชน์ของการใช้ระบบ WMS ต่อธุรกิจ

การนำระบบ WMS (Warehouse Management System) มาใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในยุคที่ทุกวินาทีคือโอกาส โดยมีประโยชน์สำคัญ ดังนี้

  • รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ระบบ WMS สามารถขยายการใช้งานให้สอดคล้องกับขนาดและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจได้  
  • เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า ช่วยบริหารพื้นที่จัดเก็บสินค้าให้เป็นระเบียบ ลดข้อผิดพลาดในการจัดเก็บหรือหยิบสินค้า
  • ลดต้นทุนการดำเนินงาน ด้วยระบบอัตโนมัติที่ลดการใช้แรงงาน และช่วยให้กระบวนการจัดการสินค้ารวดเร็วขึ้น
  • เพิ่มความแม่นยำในการจัดการสต๊อก ช่วยให้รู้สถานะสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ป้องกันปัญหาสินค้าขาดหรือค้างสต็อก
  • ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วขึ้น ระบบสามารถประมวลผลคำสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
  • เหมาะกับธุรกิจที่มีความซับซ้อนในการจัดการสต๊อก เช่น ธุรกิจที่มีหลายคลังสินค้า หลายช่องทางการขาย หรือมีออเดอร์จำนวนมากต่อวัน 
  • ยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของธุรกิจ เมื่อลูกค้าได้รับสินค้าเร็ว ถูกต้อง และไม่มีปัญหาในการจัดส่ง ย่อมส่งผลดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

ระบบ WMS มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง

การตัดสินใจนำระบบ WMS มาใช้ในองค์กรนั้น จำเป็นต้องพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสียให้รอบด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่าและเหมาะสมกับธุรกิจ  

ข้อดีของระบบ WMS 

WMS คือระบบที่มอบประโยชน์มากมายให้กับธุรกิจ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีก เช่น 

  • ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว 
  • สามารถปรับแต่งระบบให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ 
  • รองรับการเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ 
  • แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • ช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าผ่านการจัดส่งที่รวดเร็วและถูกต้อง  

ข้อเสียของระบบ WMS 

  • การลงทุนในระบบ WMS มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง ทั้งค่าซอฟต์แวร์ ค่าฮาร์ดแวร์และค่าฝึกอบรมพนักงาน 
  • ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการปรับตัวและฝึกอบรมพนักงานให้คุ้นเคยกับระบบใหม่ 
  • การบำรุงรักษาระบบต้องทำอย่างสม่ำเสมอและอาจต้องมีทีมไอทีคอยดูแลโดยเฉพาะ เนื่องจากระบบต้องมีการอัปเดตเวอร์ชันเรื่อย ๆ ตามกฎระเบียบและข้อตกลงของแต่ละ Marketplace ซึ่งอาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด

ด้วยความท้าทายเหล่านี้ MyCloud จึงได้ลงทุนพัฒนาระบบ WareHouse Management System ที่ตอบโจทย์และทันสมัย และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าออนไลน​์ ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ช่วยประหยัดต้นทุนการลงทุนและการบำรุงรักษาระบบ ทำให้ธุรกิจสามารถจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ         

ระบบ Warehouse Management System เหมาะสำหรับใครบ้าง 

ระบบ WMS เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภท ดังนี้ 

  • ธุรกิจที่มีความจำเป็นในการบริหารจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความซับซ้อนในการจัดการสต็อก 
  • ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีปริมาณออเดอร์สูง 
  • ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งที่ต้องการระบบที่แม่นยำในการติดตามสินค้า 
  • ธุรกิจที่ต้องการยกระดับการให้บริการลูกค้าผ่านการจัดส่งที่รวดเร็วและถูกต้อง 
  • ธุรกิจที่กำลังเติบโตและต้องการระบบที่สามารถรองรับการขยายตัวในอนาคต 
ระบบ Warehouse Management System

สรุปบทความ 

ระบบ WMS คือตัวช่วยยกระดับการบริหารจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็ว แม่นยำ และความสามารถในการติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ แม้ว่าการนำระบบ WMS มาใช้อาจมีต้นทุนและความท้าทายในช่วงเริ่มต้น แต่ประโยชน์ที่ได้รับในระยะยาวทั้งในแง่ของการลดต้นทุนการดำเนินงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการยกระดับการให้บริการลูกค้า ทำให้การลงทุนในระบบ WMS เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโซลูชันด้านการจัดการคลังสินค้าที่ครบวงจร MyCloud Fulfillment นำเสนอบริการ Fulfillment ที่ผสานรวมระบบ WMS ที่ทันสมัย พร้อมระบบจัดการการจัดส่งที่เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการขนส่งชั้นนำ ช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระในการจัดการสต๊อก พร้อมแพ็ค จัดส่งมอบสินค้าให้กับขนส่งตามกรอบเวลา SLA ที่แต่ละ Marketplace กำหนด ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าออเดอร์ของลูกค้าจะส่งทันเวลาและไม่ตกหล่น MyCloud Fulfillment สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุดและสามารถจัดการออเดอร์ให้จัดส่งภายใน 24 ชม. การันตีจัดส่งทัน 99.5% อีกทั้งยังมีพนักงานที่พร้อมจัดการออเดอร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในวันปกติและวันที่มีแคมเปญการขายใหญ่ ๆ ด้วยประสบการณ์การให้บริการที่ยาวนานและทีมงานมืออาชีพ MyCloud Fulfillment พร้อมเป็นพันธมิตรที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จ  

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

ร้านค้าที่มีออเดอร์เยอะ ๆ เขามีระบบจัดการหลังบ้านอะไรมาช่วย ?

ขายของดี ออเดอร์เยอะ แต่จัดการไม่ไหว ทำไงดี ? เคยสงสัยกันไหมครับว่าร้านดัง ๆ ออเดอร์เยอะ ๆ เขาจัดการกันยังไง ให้ส่งของถึงลูกค้าทุกคนโดยไม่ผิดพลาดและไม่ตกหล่น แน่นอนครับว่าหากใช้แรงงานคนในการทำงาน ย่อมมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ครับ อาจเพราะหลงลืม หรือเพราะการติดต่อสื่อสารที่คลาดเคลื่อนต่าง ๆ วันนี้ผมมีเทคนิคที่องค์กรส่วนใหญ่ใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาจัดการออเดอร์ไม่ไหว มาบอกเพื่อน ๆ นักธุรกิจครับ Order Management คืออะไร Order Management คือ การบริหารจัดการการสั่งซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งครอบคลุมทุกขั้นตอนในการสั่งซื้อ ตั้งแต่ลูกค้ากดสั่งสินค้า จนไปถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการส่งของให้ถึงมือลูกค้า ซึ่งมีความซับซ้อนมาก เพราะในแต่ละขั้นตอนก็มีรายละเอียดและปัญหาแตกต่างกัน กระบวนการทำงานของแต่ละองค์กร อาจจะแตกต่างกัน โดยกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่           1. Placement           2. Fulfillment         […]

Fast Dispatch Rate คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรสำหรับผู้ค้าบน TikTok Shop  

ท่ามกลางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากมาย TikTok Shop กำลังเป็นที่จับตามองและได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ด้วยจุดเด่นที่เชื่อมโยงการช้อปปิ้งเข้ากับคอนเทนต์วิดีโอสั้นได้อย่างลงตัว แต่การที่จะประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มนี้ได้นั้น ผู้ขายก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและตรงเวลา Fast Dispatch Rate หรือ FDR จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ TikTok Shop นำมาใช้วัดประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าของร้านค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ ที่จะช่วยผลักดันให้ร้านค้าเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกด้วย   Fast Dispatch Rate คืออะไร  Fast Dispatch Rate หรือเรียกย่อว่า FDR คือ SLA ตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าของร้านค้าบน TikTok Shop โดยคำนวณจากสัดส่วนของคำสั่งซื้อที่ร้านค้าสามารถจัดส่งให้กับบริษัทขนส่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เทียบกับจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วง 30 วันที่ผ่านมา โดย TikTok Shop ได้กำหนดมาตรฐานการจัดส่งที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาที่ได้รับคำสั่งซื้อ เพื่อให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า  วิธีการคำนวณ Fast Dispatch Rate  การคำนวณ Fast Dispatch Rate นั้นไม่ซับซ้อน แต่ผู้ขายจำเป็นต้องเข้าใจหลักเกณฑ์การจัดส่งที่ถือว่า “เร็ว” ตามมาตรฐานของ […]

Late Shipment Rate คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการขายของออนไลน์ 

“สินค้าจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?” “ทำไมส่งช้าจัง” “ขอยกเลิกออเดอร์ดีกว่า” คำบ่นเหล่านี้คงเป็นฝันร้ายของผู้ขายออนไลน์หลายคน ยิ่งในยุคที่ลูกค้าต้องการความรวดเร็ว การจัดส่งล่าช้าเพียงไม่กี่ออเดอร์ก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของร้านค้าได้ Late Shipment Rate จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ขายออนไลน์ต้องจับตามอง เพราะไม่เพียงกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว มาทำความรู้จักกับอัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้าให้มากขึ้น ในบทความนี้กัน Late Shipment Rate คืออะไร  Late Shipment Rate หรือ LSR คือเกณฑ์กำหนดบน Shopee ที่แสดงถึงจำนวนออเดอร์ที่มีการจัดส่งล่าช้า เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนออเดอร์ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะวัดผลในช่วง 7 วันย้อนหลัง ซึ่งการจัดส่งล่าช้าในที่นี้ หมายถึงการที่ผู้ขายไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Delivery Time Standard หรือ DTS) ซึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ จะมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบ  อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง  สาเหตุของการ Late Shipment Rate มักเกิดจากหลายปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ วิธีการคำนวณอัตรา Late Shipment Rate  Late Shipment Rate […]

ร้านค้าที่มีออเดอร์เยอะ ๆ เขามีระบบจัดการหลังบ้านอะไรมาช่วย ?

ขายของดี ออเดอร์เยอะ แต่จัดการไม่ไหว ทำไงดี ? เคยสงสัยกันไหมครับว่าร้านดัง ๆ ออเดอร์เยอะ ๆ เขาจัดการกันยังไง ให้ส่งของถึงลูกค้าทุกคนโดยไม่ผิดพลาดและไม่ตกหล่น แน่นอนครับว่าหากใช้แรงงานคนในการทำงาน ย่อมมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ครับ อาจเพราะหลงลืม หรือเพราะการติดต่อสื่อสารที่คลาดเคลื่อนต่าง ๆ วันนี้ผมมีเทคนิคที่องค์กรส่วนใหญ่ใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาจัดการออเดอร์ไม่ไหว มาบอกเพื่อน ๆ นักธุรกิจครับ Order Management คืออะไร Order Management คือ การบริหารจัดการการสั่งซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งครอบคลุมทุกขั้นตอนในการสั่งซื้อ ตั้งแต่ลูกค้ากดสั่งสินค้า จนไปถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการส่งของให้ถึงมือลูกค้า ซึ่งมีความซับซ้อนมาก เพราะในแต่ละขั้นตอนก็มีรายละเอียดและปัญหาแตกต่างกัน กระบวนการทำงานของแต่ละองค์กร อาจจะแตกต่างกัน โดยกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่           1. Placement           2. Fulfillment         […]

Fast Dispatch Rate คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรสำหรับผู้ค้าบน TikTok Shop  

ท่ามกลางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากมาย TikTok Shop กำลังเป็นที่จับตามองและได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ด้วยจุดเด่นที่เชื่อมโยงการช้อปปิ้งเข้ากับคอนเทนต์วิดีโอสั้นได้อย่างลงตัว แต่การที่จะประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มนี้ได้นั้น ผู้ขายก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและตรงเวลา Fast Dispatch Rate หรือ FDR จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ TikTok Shop นำมาใช้วัดประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าของร้านค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ ที่จะช่วยผลักดันให้ร้านค้าเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกด้วย   Fast Dispatch Rate คืออะไร  Fast Dispatch Rate หรือเรียกย่อว่า FDR คือ SLA ตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าของร้านค้าบน TikTok Shop โดยคำนวณจากสัดส่วนของคำสั่งซื้อที่ร้านค้าสามารถจัดส่งให้กับบริษัทขนส่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เทียบกับจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วง 30 วันที่ผ่านมา โดย TikTok Shop ได้กำหนดมาตรฐานการจัดส่งที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาที่ได้รับคำสั่งซื้อ เพื่อให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า  วิธีการคำนวณ Fast Dispatch Rate  การคำนวณ Fast Dispatch Rate นั้นไม่ซับซ้อน แต่ผู้ขายจำเป็นต้องเข้าใจหลักเกณฑ์การจัดส่งที่ถือว่า “เร็ว” ตามมาตรฐานของ […]

Late Shipment Rate คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการขายของออนไลน์ 

“สินค้าจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?” “ทำไมส่งช้าจัง” “ขอยกเลิกออเดอร์ดีกว่า” คำบ่นเหล่านี้คงเป็นฝันร้ายของผู้ขายออนไลน์หลายคน ยิ่งในยุคที่ลูกค้าต้องการความรวดเร็ว การจัดส่งล่าช้าเพียงไม่กี่ออเดอร์ก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของร้านค้าได้ Late Shipment Rate จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ขายออนไลน์ต้องจับตามอง เพราะไม่เพียงกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว มาทำความรู้จักกับอัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้าให้มากขึ้น ในบทความนี้กัน Late Shipment Rate คืออะไร  Late Shipment Rate หรือ LSR คือเกณฑ์กำหนดบน Shopee ที่แสดงถึงจำนวนออเดอร์ที่มีการจัดส่งล่าช้า เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนออเดอร์ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะวัดผลในช่วง 7 วันย้อนหลัง ซึ่งการจัดส่งล่าช้าในที่นี้ หมายถึงการที่ผู้ขายไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Delivery Time Standard หรือ DTS) ซึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ จะมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบ  อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง  สาเหตุของการ Late Shipment Rate มักเกิดจากหลายปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ วิธีการคำนวณอัตรา Late Shipment Rate  Late Shipment Rate […]