Knowledge Center

Lazada Fulfillment คืออะไร? แตกต่างกับ MyCloud Fulfillment อย่างไร 

การจัดการสต๊อกสินค้า

ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีแพลตฟอร์ม E-commerce เกิดขึ้นมากมาย Lazada ก็ยังคงเป็นหนึ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซหลักของไทยอยู่ ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้น ความต้องการของสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องที่ผู้ขายบน Lazada ต้องเตรียมตัวเลย นั่นก็คือการจัดการออเดอร์ให้รวดเร็วทันเกณฑ์ SLA ของทางแพลตฟอร์มที่กำหนดอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มี Lazada Fulfillment บริการจากลาซาด้า ที่เข้ามาช่วยจัดการตั้งแต่คลังสินค้า สต๊อกสินค้าไปจนถึงการจัดขนส่งสินค้าเลย  

หากคุณเป็น Lazada Seller อยู่แล้วหรือสนใจเปิดร้านบนลาซาด้า MyCloud จะพาคุณมาทำความรู้จักกันว่า Fulfillment by Lazada คืออะไร จุดเด่นและเปรียบเทียบกับโซลูชันของทาง MyCloud เพื่อสิ่งที่ดีและตอบโจทย์ร้านค้าของคุณมากที่สุด 

Lazada Fulfillment คืออะไร 

Lazada Fulfillment หรือ Fulfillment by Lazada (FBL) คือบริการการจัดการคลังสินค้าที่ดำเนินการโดย Lazada โดยตรง เพื่อช่วยให้ผู้ขายบนแพลตฟอร์มสามารถจัดการสินค้าและการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้านค้าสามารถส่งสินค้าไปเก็บที่คลัง Lazada ซึ่งจะช่วยดูแลตั้งแต่การจัดเก็บ การแพ็คสินค้า ไปจนถึงการจัดส่งถึงมือลูกค้าปลายทาง ซึ่งจะช่วยลดภาระการจัดการสต๊อกและการจัดการของร้านค้าให้สามารถบริหารร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

หลักการทำงานของ Lazada Fulfillment  

Lazada Fulfillment นำเสนอโซลูชันการจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งแบบครบวงจรที่ช่วยให้ผู้ขายสามารถมุ่งเน้นไปที่การขายได้อย่างเต็มที่ ด้วยแนวคิด Sign up Send In Sit down ที่ทำให้การจัดการสินค้าและการจัดส่งเป็นเรื่องง่าย โดยมีขั้นตอนการทำงาน ดังนี้

  1. การส่งสินค้าเข้าคลัง ผู้ขายนำสินค้าไปส่งที่คลังสินค้าของ Lazada เพื่อให้ทางลาซาด้าเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บสินค้าในคลังที่มีมาตรฐานและระบบการจัดการที่ทันสมัย 
  2. ร้านค้ารับคำสั่งซื้อจากลูกค้า เมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม ระบบจะประมวลผลคำสั่งซื้อโดยอัตโนมัติส่งต่อให้ทาง Lazada Fulfillment จัดเตรียมสินค้า 
  3. ขั้นตอนนี้ทีมงานจะดำเนินการหยิบและแพ็คสินค้าอย่างมืออาชีพ 
  4. การจัดส่งสินค้า สินค้าจะถูกจัดส่งถึงมือลูกค้าผ่านระบบขนส่งของ Lazada หากมีการคืนสินค้า Lazada จะเป็นผู้ดูแลกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่การรับคืนจนถึงการตรวจสอบและจัดการสินค้า

ซึ่งระบบการทำงานของ Fulfillment by Lazada นี้ช่วยให้ผู้ขายประหยัดเวลาและทรัพยากรในการจัดการด้านโลจิสติกส์ และสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจด้านอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ 

ขั้นตอนการแพ็คสินค้า

Lazada Fulfillment ช่วยผู้ขายอย่างไรบ้าง 

Lazada Fulfillment (FBL) เป็นบริการที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการลดภาระด้านการขนส่งและการจัดการคลังสินค้า เพื่อให้ผู้ขายสามารถทุ่มเทเวลาไปกับการพัฒนาธุรกิจในด้านอื่น ๆ ที่สำคัญ โดยมีจุดเด่นที่ช่วยสนับสนุนผู้ขายในหลายด้าน ดังนี้ 

  • โฟกัสกับการขายได้อย่างเต็มที่ ผู้ขายสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์ การทำการตลาดและการบริหารจัดการราคา ในขณะที่ Lazada Fulfillment จะเป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดการคำสั่งซื้อทั้งหมดที่เข้ามาให้ 
  • เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโลจิสติกส์ระดับพรีเมียมของ Lazada
  • เพิ่มคุณภาพการบริการที่ดีขึ้น มีทีมงานมืออาชีพดูแลการแพ็คสินค้า ช่วยลดปัญหาสินค้าหมดสต๊อก ลดการคืนสินค้าจากลูกค้า และช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือของร้านค้า
  • ความรวดเร็วในการจัดการและจัดส่ง มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้กระบวนการแพ็คและจัดส่งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ร้านค้าของคุณสามารถรักษาเกณฑ์ SLA ที่แพลตฟอร์มกำหนดได้ 
  • ความยืดหยุ่นในการจัดการคลังสินค้า ผู้ขายสามารถควบคุมและตรวจสอบสต๊อกสินค้าได้อย่างโปร่งใส สามารถสร้างคำสั่งนำเข้าสินค้าและเรียกคืนสินค้าได้ตามต้องการ 

Fulfillment by Lazada แตกต่างจาก Fulfillment Solutions ของ MyCloud อย่างไร  

ถึงแม้ Lazada Fulfillment จะมีข้อดีมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขายมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีข้อจำกัด คือสามารถใช้บริการได้เฉพาะร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Lazada เท่านั้น ทำให้ร้านค้าที่ต้องการจะหาฐานลูกค้าเพิ่ม ด้วยการขยายช่องทางการขายนั้น Fulfillment by Lazada ก็อาจจะยังไม่ครอบคลุมให้จุดนี้ 

และนี่คือจุดที่ MyCloud ตั้งใจพัฒนาและออกแบบโซลูชันที่ Fulfillment ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจออนไลน์ในยุคนี้มากที่สุดด้วยระบบ Omnichannel Management ที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถบริหารจัดการช่องทางการขาย Marketplace ได้ในระบบเดียว ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือ Line Shopping เชื่อมต่อทุกช่องทางการขายด้วยระบบ API อัปเดตสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ทุก 3 นาที ใช้สต๊อกเดียวขายได้ทุกช่องทาง 

นอกจากนี้ MyCloud ยังมีระบบจัดการสต๊อกสินค้าที่ทันสมัย Warehouse Management System ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับระบบ Order Management System เป็นระบบการใช้งานเดียวที่เสถียรที่สุด ช่วยให้ร้านค้าสามารถควบคุมและติดตามสต๊อกได้แบบเรียลไทม์ ตั้งแต่การรับเข้าสินค้าจนถึงการจัดเก็บ มีระบบ Safety Stock แจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมด ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการสต๊อกสินค้าที่จะเข้ามาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการเก็บสินค้าที่คลัง MyCloud มีรูปแบบการเก็บสินค้าที่เรียกว่าFEFO (First Expired, First Out) โดยสินค้าที่รับเข้ามาในคลังตั้งแต่ขั้นตอนแรกจะถูกบันทึกข้อมูลสินค้าอย่างละเอียด เช่น ล็อตวันผลิต วันหมดอายุ เพื่อให้การหยิบสินค้าถูกหยิบตามลำดับของวันหมดอายุสินค้าได้อย่างเหมาะสม สินค้าไหนหมดอายุก่อนก็จะถูกหยิบส่งออกก่อน ลดความเสี่ยงในการส่งสินค้าที่หมดอายุให้ลูกค้า อีกทั้งยังลดความเสี่ยงเรื่องสินค้าตีคืนที่ทำให้สูญเสียรายได้ในส่วนนี้ได้ อีกทั้งยังมั่นใจได้ว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้าปลายทางได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เพราะขนส่งพาร์ทเนอร์ที่เราเลือกใช้ มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบริการจัดส่งแบบด่วนในวันถัดไป (Next Day) หรือบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ก็มี ให้ร้านค้าสามารถมั่นใจได้ว่าทุกออเดอร์จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดแน่นอน 

ระบบการทำงานในคลังสินค้า

สรุปบทความ 

ถึงแม้ Lazada Fulfillment (FBL) จะได้นำเสนอโซลูชันการจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งที่ครบวงจร ช่วยให้ผู้ขายสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจด้านอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยข้อจำกัดที่ให้บริการเฉพาะบนแพลตฟอร์ม Lazada เท่านั้น MyCloud จึงได้พัฒนาโซลูชัน Fulfillment ที่ตอบโจทย์การขายแบบ Omnichannel ด้วยระบบ API ที่เชื่อมต่อทุกช่องทางการขายใน Marketplace เข้าด้วยกัน พร้อมระบบจัดการออเดอร์และระบบจัดการออเดอร์สต๊อกสินค้าที่ทันสมัย อัปเดตแบบเรียลไทม์และบริการขนส่งที่ครอบคลุม ทำให้ร้านค้าสามารถขยายช่องทางการขายและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการหลังบ้านอีกต่อไป 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

7 วิธีแพ็คสินค้าฉบับมือโปร ทำอย่างไรให้สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย 

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า คือคุณภาพในการจัดส่งสินค้า นอกจากความรวดเร็วแล้ว การแพ็คสินค้าอย่างดีก็จะช่วยปกป้องสินค้าให้ถึงมือผู้รับในสภาพสมบูรณ์ วันนี้เรามีเทคนิคการแพ็คของออนไลน์แบบมืออาชีพมาฝากกัน โดยจะช่วยให้การจัดส่งสินค้าของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความประทับใจตั้งแต่ลูกค้าได้รับสินค้าเลย   แพ็คสินค้า ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง  ก่อนจะเริ่มแพ็คสินค้า สิ่งสำคัญที่พ่อค้าแม่ค้าต้องเตรียมให้พร้อม คืออุปกรณ์สำหรับแพ็คของ การมีอุปกรณ์ที่ครบครันจะช่วยให้ขั้นตอนการแพ็คสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยอุปกรณ์ที่ควรมีประกอบด้วย  7 วิธีการแพ็คสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย  การแพ็คสินค้าให้ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้าในสภาพสมบูรณ์ มาดูวิธีแพ็คของออนไลน์ที่ถูกต้องกันว่าจะมีอะไรบ้าง ดังนี้  1. เลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับสินค้า ขั้นตอนแรกคือการเลือกบรรจุภัณฑ์หรือกล่องพัสดุให้เหมาะกับประเภทสินค้า เช่น เสื้อผ้าหรือสินค้าที่ทนต่อแรงกระแทกได้ดี สามารถใช้ซองพลาสติกได้ แต่สำหรับสินค้าที่แตกหักง่าย ก็จำเป็นต้องแพ็คสินค้าด้วยกล่องที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่จนสินค้าขยับได้ และไม่เล็กเกินไปจนไม่มีพื้นที่ใส่วัสดุกันกระแทก  นอกจากนี้ คุณภาพและวัสดุของกล่องก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะความหนาของกล่องที่ต้องทนทานพอที่จะปกป้องสินค้าจากการโยนของพนักงานขนส่ง หรือแรงกดทับเมื่อถูกวางซ้อนกับกล่องอื่น ๆ ปัจจุบันมีนวัตกรรมการผลิตกล่องใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงโดยไม่เพิ่มน้ำหนักมากนัก ทำให้สามารถปกป้องสินค้าได้ดียิ่งขึ้นตลอดการเดินทางไปถึงมือลูกค้า   2. เลือกกล่องที่ได้คุณภาพ  การเลือกใช้กล่องคุณภาพดีเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะกล่องลูกฟูกที่มีความหนาและแข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งสามารถปกป้องสินค้าด้านใน ลดแรงกระแทกและความเสียระหว่างการขนส่ง เช่น การโยนสินค้า สินค้ามีน้ำหนักที่วางทับกัน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กล่องที่มีคุณภาพก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหายระหว่างการขนส่งได้   3. ป้องกันสินค้าด้วยวัสดุกันกระแทก การจัดส่งสินค้าให้ปลอดภัยต้องใส่ใจเรื่องการป้องกันการกระแทก […]

ขายดีไม่มีสะดุด! เปิด 10 เทคนิคการขาย ขายยังไงให้ปัง? 

เชื่อว่ากระแสในตลาดอีคอมเมิร์ซตอนนี้นอกจากการแข่งขันที่สูงขึ้นแล้ว ก็ยังทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ร้านค้าออนไลน์ต่างต้องปรับตัวและหากลยุทธ์ใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มยอดขายและรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นจึงจำเป็นต้องมีการใช้เทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มยอดขายให้ดียิ่งขึ้นไป ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ค้าหน้าใหม่หรือมีประสบการณ์มานานแล้วก็ตาม การนำเทคนิคดี ๆ เหล่านี้ มาปรับใช้ให้เหมาะสมก็จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะมาเผย 10 เทคนิคที่จะช่วยให้ร้านออนไลน์ของคุณขายดีไม่มีสะดุด พร้อมวิธีประยุกต์ใช้ที่จะทำให้ยอดขายของคุณพุ่งทะยานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   10 เทคนิคการขาย ทำอย่างไรให้มัดใจลูกค้า การเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณรู้และเข้าใจเทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพ มาดูกัน 10 เทคนิคที่จะช่วยมัดใจลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้ร้านของคุณ   1. รู้จักลูกค้าเป็นอย่างดี การเข้าใจลูกค้าคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการขาย เทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพจะเริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมายให้ลึกซึ้ง ศึกษาพฤติกรรม แพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้งาน ความชอบและสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา เพื่อให้คุณสามารถสื่อสารและโปรโมตสินค้าได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ การเข้าใจธรรมชาติของลูกค้าแต่ละประเภทก็สำคัญไม่แพ้กัน บางคนต้องการคำแนะนำจากผู้ขาย ในขณะที่บางคนชอบความเป็นส่วนตัวและต้องการเวลาในการตัดสินใจ การปรับเทคนิคเหล่านี้ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายจะช่วยสร้างความประทับใจและนำมาซึ่งการกลับมาซื้อซ้ำในระยะยาว   2. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เทคนิคการขายที่ยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า (CRM) เป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีเริ่มได้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การมอบส่วนลด ของแถมหรือสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ แม้เป็นของฝากเล็ก ๆ ที่ราคาไม่สูงมาก แต่ก็สามารถสร้างความประทับใจและแสดงถึงความมีน้ำใจของคุณได้ การดูแลลูกค้าอย่างใส่ใจทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษและมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำ เมื่อลูกค้าไว้วางใจและชื่นชอบคุณ […]

ระบบ TMS คืออะไร เหมาะสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์อย่างไร

ปัจจุบันธุรกิจในตลาดธุรกิจออนไลน์ (E-commerce) ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับผู้ประกอบการหลายราย แต่ปัจจัยสำคัญที่ชี้วัดความสำเร็จนั้น ไม่ใช่แค่คุณภาพของสินค้าหรือกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์และการขนส่งด้วย ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งสินค้าที่ล่าช้า ขาดความแม่นยำหรือมีต้นทุนสูงเกินไป อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ กำไรและที่สำคัญที่สุดคือความพึงพอใจของลูกค้า ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หนึ่งในนั้น คือระบบ TMS (Transportation Management System)  ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า ระบบ TMS คืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจขายของออนไลน์ในปัจจุบัน      ระบบ TMS คืออะไร ระบบ TMS คือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวางแผน ดำเนินการ ควบคุม ตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขนส่งสินค้าทั้งหมดได้อย่างเป็นระบบและครบวงจร คำว่า TMS ย่อมาจาก Transportation Management System หรือระบบบริหารจัดการการขนส่งที่คอยจัดการทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า ตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อ วางแผนเลือกเส้นทางและยานพาหนะที่เหมาะสมที่สุด มอบหมายงานให้พนักงานขับรถ ติดตามตำแหน่งและสถานะของสินค้าแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการจัดการเอกสาร การคำนวณต้นทุนและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ     หากมองในภาพรวมของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มันไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนสำคัญที่มักจะทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ […]

7 วิธีแพ็คสินค้าฉบับมือโปร ทำอย่างไรให้สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย 

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า คือคุณภาพในการจัดส่งสินค้า นอกจากความรวดเร็วแล้ว การแพ็คสินค้าอย่างดีก็จะช่วยปกป้องสินค้าให้ถึงมือผู้รับในสภาพสมบูรณ์ วันนี้เรามีเทคนิคการแพ็คของออนไลน์แบบมืออาชีพมาฝากกัน โดยจะช่วยให้การจัดส่งสินค้าของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความประทับใจตั้งแต่ลูกค้าได้รับสินค้าเลย   แพ็คสินค้า ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง  ก่อนจะเริ่มแพ็คสินค้า สิ่งสำคัญที่พ่อค้าแม่ค้าต้องเตรียมให้พร้อม คืออุปกรณ์สำหรับแพ็คของ การมีอุปกรณ์ที่ครบครันจะช่วยให้ขั้นตอนการแพ็คสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยอุปกรณ์ที่ควรมีประกอบด้วย  7 วิธีการแพ็คสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย  การแพ็คสินค้าให้ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้าในสภาพสมบูรณ์ มาดูวิธีแพ็คของออนไลน์ที่ถูกต้องกันว่าจะมีอะไรบ้าง ดังนี้  1. เลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับสินค้า ขั้นตอนแรกคือการเลือกบรรจุภัณฑ์หรือกล่องพัสดุให้เหมาะกับประเภทสินค้า เช่น เสื้อผ้าหรือสินค้าที่ทนต่อแรงกระแทกได้ดี สามารถใช้ซองพลาสติกได้ แต่สำหรับสินค้าที่แตกหักง่าย ก็จำเป็นต้องแพ็คสินค้าด้วยกล่องที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่จนสินค้าขยับได้ และไม่เล็กเกินไปจนไม่มีพื้นที่ใส่วัสดุกันกระแทก  นอกจากนี้ คุณภาพและวัสดุของกล่องก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะความหนาของกล่องที่ต้องทนทานพอที่จะปกป้องสินค้าจากการโยนของพนักงานขนส่ง หรือแรงกดทับเมื่อถูกวางซ้อนกับกล่องอื่น ๆ ปัจจุบันมีนวัตกรรมการผลิตกล่องใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงโดยไม่เพิ่มน้ำหนักมากนัก ทำให้สามารถปกป้องสินค้าได้ดียิ่งขึ้นตลอดการเดินทางไปถึงมือลูกค้า   2. เลือกกล่องที่ได้คุณภาพ  การเลือกใช้กล่องคุณภาพดีเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะกล่องลูกฟูกที่มีความหนาและแข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งสามารถปกป้องสินค้าด้านใน ลดแรงกระแทกและความเสียระหว่างการขนส่ง เช่น การโยนสินค้า สินค้ามีน้ำหนักที่วางทับกัน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กล่องที่มีคุณภาพก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหายระหว่างการขนส่งได้   3. ป้องกันสินค้าด้วยวัสดุกันกระแทก การจัดส่งสินค้าให้ปลอดภัยต้องใส่ใจเรื่องการป้องกันการกระแทก […]

ขายดีไม่มีสะดุด! เปิด 10 เทคนิคการขาย ขายยังไงให้ปัง? 

เชื่อว่ากระแสในตลาดอีคอมเมิร์ซตอนนี้นอกจากการแข่งขันที่สูงขึ้นแล้ว ก็ยังทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ร้านค้าออนไลน์ต่างต้องปรับตัวและหากลยุทธ์ใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มยอดขายและรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นจึงจำเป็นต้องมีการใช้เทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มยอดขายให้ดียิ่งขึ้นไป ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ค้าหน้าใหม่หรือมีประสบการณ์มานานแล้วก็ตาม การนำเทคนิคดี ๆ เหล่านี้ มาปรับใช้ให้เหมาะสมก็จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะมาเผย 10 เทคนิคที่จะช่วยให้ร้านออนไลน์ของคุณขายดีไม่มีสะดุด พร้อมวิธีประยุกต์ใช้ที่จะทำให้ยอดขายของคุณพุ่งทะยานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   10 เทคนิคการขาย ทำอย่างไรให้มัดใจลูกค้า การเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณรู้และเข้าใจเทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพ มาดูกัน 10 เทคนิคที่จะช่วยมัดใจลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้ร้านของคุณ   1. รู้จักลูกค้าเป็นอย่างดี การเข้าใจลูกค้าคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการขาย เทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพจะเริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมายให้ลึกซึ้ง ศึกษาพฤติกรรม แพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้งาน ความชอบและสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา เพื่อให้คุณสามารถสื่อสารและโปรโมตสินค้าได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ การเข้าใจธรรมชาติของลูกค้าแต่ละประเภทก็สำคัญไม่แพ้กัน บางคนต้องการคำแนะนำจากผู้ขาย ในขณะที่บางคนชอบความเป็นส่วนตัวและต้องการเวลาในการตัดสินใจ การปรับเทคนิคเหล่านี้ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายจะช่วยสร้างความประทับใจและนำมาซึ่งการกลับมาซื้อซ้ำในระยะยาว   2. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เทคนิคการขายที่ยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า (CRM) เป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีเริ่มได้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การมอบส่วนลด ของแถมหรือสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ แม้เป็นของฝากเล็ก ๆ ที่ราคาไม่สูงมาก แต่ก็สามารถสร้างความประทับใจและแสดงถึงความมีน้ำใจของคุณได้ การดูแลลูกค้าอย่างใส่ใจทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษและมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำ เมื่อลูกค้าไว้วางใจและชื่นชอบคุณ […]

ระบบ TMS คืออะไร เหมาะสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์อย่างไร

ปัจจุบันธุรกิจในตลาดธุรกิจออนไลน์ (E-commerce) ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับผู้ประกอบการหลายราย แต่ปัจจัยสำคัญที่ชี้วัดความสำเร็จนั้น ไม่ใช่แค่คุณภาพของสินค้าหรือกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์และการขนส่งด้วย ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งสินค้าที่ล่าช้า ขาดความแม่นยำหรือมีต้นทุนสูงเกินไป อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ กำไรและที่สำคัญที่สุดคือความพึงพอใจของลูกค้า ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หนึ่งในนั้น คือระบบ TMS (Transportation Management System)  ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า ระบบ TMS คืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจขายของออนไลน์ในปัจจุบัน      ระบบ TMS คืออะไร ระบบ TMS คือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวางแผน ดำเนินการ ควบคุม ตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขนส่งสินค้าทั้งหมดได้อย่างเป็นระบบและครบวงจร คำว่า TMS ย่อมาจาก Transportation Management System หรือระบบบริหารจัดการการขนส่งที่คอยจัดการทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า ตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อ วางแผนเลือกเส้นทางและยานพาหนะที่เหมาะสมที่สุด มอบหมายงานให้พนักงานขับรถ ติดตามตำแหน่งและสถานะของสินค้าแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการจัดการเอกสาร การคำนวณต้นทุนและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ     หากมองในภาพรวมของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มันไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนสำคัญที่มักจะทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ […]