Knowledge Center

Late Shipment Rate คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการขายของออนไลน์ 

ส่งพัสดุ

สินค้าจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?” “ทำไมส่งช้าจัง” “ขอยกเลิกออเดอร์ดีกว่า” คำบ่นเหล่านี้คงเป็นฝันร้ายของผู้ขายออนไลน์หลายคน ยิ่งในยุคที่ลูกค้าต้องการความรวดเร็ว การจัดส่งล่าช้าเพียงไม่กี่ออเดอร์ก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของร้านค้าได้ Late Shipment Rate จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ผู้ขายออนไลน์ต้องจับตามอง เพราะไม่เพียงกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว มาทำความรู้จักกับอัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้าให้มากขึ้น ในบทความนี้กัน

Late Shipment Rate คืออะไร 

Late Shipment Rate หรือ LSR คือเกณฑ์กำหนดบน Shopee ที่แสดงถึงจำนวนออเดอร์ที่มีการจัดส่งล่าช้า เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนออเดอร์ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะวัดผลในช่วง 7 วันย้อนหลัง ซึ่งการจัดส่งล่าช้าในที่นี้ หมายถึงการที่ผู้ขายไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Delivery Time Standard หรือ DTS) ซึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ จะมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบ 

อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง 

สาเหตุของการ Late Shipment Rate มักเกิดจากหลายปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่

  • การจัดการสต๊อกสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การไม่อัปเดตจำนวนสินค้าในระบบหรือการขายเกินสต๊อก 
  • กระบวนการแพ็คสินค้าที่ล่าช้าเนื่องจากขาดระบบจัดการที่ดี
  • การเลือกใช้บริการขนส่งที่ไม่เหมาะสมกับประเภทสินค้าหรือพื้นที่จัดส่ง
  • ปัญหาด้านบุคลากรหรือแรงงานไม่เพียงพอในช่วงที่มีออเดอร์จำนวนมาก
  • การไม่วางแผนรับมือกับช่วงเทศกาลหรือโปรโมชันพิเศษที่มียอดสั่งซื้อสูง  
แพ็คสินค้าไม่ทัน

วิธีการคำนวณอัตรา Late Shipment Rate 

Late Shipment Rate (LSR) จะสามารถคำนวณได้จากจำนวนคำสั่งซื้อที่จัดส่ง หลังจากวันที่ต้องจัดส่ง (DTS) โดยจะเป็นระยะเวลาที่แพลตฟอร์ม Shopee นั้นเป็นผู้กำหนด ในกรณีนี้ จะไม่นับรวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันอาทิตย์ เนื่องจากเป็นวันหยุดทำการของหลาย ๆ บริษัทขนส่ง อย่างไรก็ตาม วิธีการคำนวณอัตรา LSR สามารถคำนวณได้ ดังนี้  

(จำนวนออเดอร์ที่จัดส่งล่าช้า ÷ จำนวนออเดอร์ทั้งหมดในช่วง 7 วัน) =  อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า (LSR) 

ตัวอย่างการคำนวณ

เช่น ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ร้านค้า M มีจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมด 300 ออเดอร์ และมีจำนวนออเดอร์ที่จัดส่งล่าช้า 45 รายการ LSR = (45 ÷ 100) = 45% ดังนั้น อัตรา LSR ของร้าน M จะอยู่ที่ 45% 

โดยทั่วไป Shopee จะกำหนดเกณฑ์ LSR ไว้ที่ไม่เกิน 10% เพื่อรักษามาตรฐานการบริการ หากร้านที่คำนวณออกมาแล้วเกินกว่าระดับที่กำหนดไว้ ก็อาจจะเสียสิทธิประโยชน์ เช่น ไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญต่าง ๆ ยอดขายลดลง เป็นต้น 

ทำไม Late Shipment Rate (LSR) ถึงสำคัญ

อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า (Late Shipment Rate) เป็นตัวชี้วัดที่ส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือของร้านค้าออนไลน์ หากอัตราการจัดส่งล่าช้าสูง อาจส่งผลกระทบต่อคะแนนของร้าน อาจถูกลดโอกาสการมองเห็นร้านค้าได้ และยังส่งผลให้ร้านค้าอาจจะได้รีวิวในเชิงลบได้ และหากร้านค้ามี LSR สูงกว่าเกณฑ์ บัญชีร้านค้าของคุณอาจถูกระงับบัญชีได้ เพราะฉะนั้น การบริหารจัดการออเดอร์ให้ส่งตรงเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดอัตรา Late Shipment Rate และรักษาความพึงพอใจของลูกค้า ให้ธุรกิจของคุณสามารถเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

หากร้านค้ามีอัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า (LSR) เกินกำหนด จะส่งผลเสียต่อร้านค้าอย่างไรบ้าง 

กรณีที่ร้านค้ามีอัตรา Late Shipment Rate (LSR) เกินกำหนด ร้านค้าจะได้รับคะแนนความประพฤติในแต่ละครั้ง หากร้านไหนมีคะแนนสะสมเยอะก็จะถูกตัดสิทธิประโยชน์ เช่น

  • คะแนนความประพฤติสะสม 3 – 5 คะแนน จะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ
  • คะแนนความประพฤติสะสม 6 – 8 คะแนน ถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้เงินสนับสนุนค่าจัดส่ง และถูกลดการมองเห็นรายการสินค้า 
  • คะแนนความประพฤติสะสม 9 – 11 คะแนน ถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้เงินสนับสนุนค่าจัดส่ง ถูกลดการมองเห็นรายการสินค้า รวมถึงร้านค้าก็จะถูกตัดสิทธิ์การเข้าถึงรายการสินค้าของร้านด้วยเช่นกัน 
  • คะแนนความประพฤติสะสม 12 – 14 คะแนน ถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้เงินสนับสนุนค่าจัดส่ง ถูกลดการมองเห็นรายการสินค้าร้านค้าถูกตัดสิทธิ์การเข้าถึงรายการสินค้าของร้าน และถูกตัดสิทธิ์การเพิ่มและแก้ไขข้อมูลสินค้า
  • คะแนนความประพฤติสะสม มากกว่า 15 คะแนน ถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ ไม่ได้เงินสนับสนุนค่าจัดส่ง ถูกลดการมองเห็นรายการสินค้าร้านค้าถูกตัดสิทธิ์การเข้าถึงรายการสินค้าของร้าน ถูกตัดสิทธิ์การเพิ่มและแก้ไขข้อมูลสินค้า และจะถูกระงับบัญชีในที่สุด  

จบปัญหาส่งสินค้าช้าด้วยบริการ Fulfillment Solutions จาก MyCloud ครบ จบ ในที่เดียว 

ปัญหาสต๊อกสินค้าไม่ตรงกับจำนวนในระบบ การแพ็คสินค้าที่ล่าช้าในช่วงยอดขายพุ่งหรือการติดตามสถานะการจัดส่งที่ซับซ้อน ล้วนส่งผลให้เกิดการจัดส่งล่าช้าและกระทบต่อความน่าเชื่อถือของร้านค้า MyCloud Fulfillment เข้าใจปัญหาเหล่านี้ดี จึงพัฒนา Fulfillment Solutions ครบวงจรที่ช่วยจัดการทุกขั้นตอน ตั้งแต่ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะที่อัปเดตสต๊อกแบบเรียลไทม์ บริการแพ็คและจัดส่งที่รวดเร็วพร้อมการรับประกันเวลาจัดส่ง ระบบติดตามสถานะแบบ Real-time และทีมสนับสนุนมืออาชีพที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 365 วัน ช่วยให้ร้านค้าของคุณรักษา Late Shipment Rate ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาส่งสินค้าช้าอีกต่อไปอีกด้วย

กำลังแพ็คสินค้าส่งให้ลูกค้า

สรุปบทความ 

ถึงเวลาต้องยอมรับว่าโลกของการค้าออนไลน์ได้เปลี่ยนไป การจัดส่งล่าช้าแม้เพียงไม่กี่ออเดอร์หรือแม้แต่วันเดียวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสูญเสียลูกค้าและโอกาสทางธุรกิจแล้ว Late Shipment Rate จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขที่แสดงอัตราการส่งสินค้าล่าช้า แต่เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและความอยู่รอดของธุรกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้ยอดขายของคุณตก ควรเริ่มจากการปรับระบบการทำงานทั้งหมด ตั้งแต่การจัดการคลังสินค้า การวางแผนกำลังคน ไปจนถึงการเลือกพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ที่ใช่ ซึ่ง MyCloud Fulfillment พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดส่งของคุณ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน  

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ https://www.mycloudfulfillment.com/quotation 

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร: 092-472-7742, 02-138-9920

อีเมล: [email protected] 

line: @mycloudgroup

MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก

บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

Fast Dispatch Rate คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรสำหรับผู้ค้าบน TikTok Shop  

ท่ามกลางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากมาย TikTok Shop กำลังเป็นที่จับตามองและได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ด้วยจุดเด่นที่เชื่อมโยงการช้อปปิ้งเข้ากับคอนเทนต์วิดีโอสั้นได้อย่างลงตัว แต่การที่จะประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มนี้ได้นั้น ผู้ขายก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและตรงเวลา Fast Dispatch Rate หรือ FDR จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ TikTok Shop นำมาใช้วัดประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าของร้านค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ ที่จะช่วยผลักดันให้ร้านค้าเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกด้วย   Fast Dispatch Rate คืออะไร  Fast Dispatch Rate หรือเรียกย่อว่า FDR คือ SLA ตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าของร้านค้าบน TikTok Shop โดยคำนวณจากสัดส่วนของคำสั่งซื้อที่ร้านค้าสามารถจัดส่งให้กับบริษัทขนส่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เทียบกับจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วง 30 วันที่ผ่านมา โดย TikTok Shop ได้กำหนดมาตรฐานการจัดส่งที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาที่ได้รับคำสั่งซื้อ เพื่อให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า  วิธีการคำนวณ Fast Dispatch Rate  การคำนวณ Fast Dispatch Rate นั้นไม่ซับซ้อน แต่ผู้ขายจำเป็นต้องเข้าใจหลักเกณฑ์การจัดส่งที่ถือว่า “เร็ว” ตามมาตรฐานของ […]

โลจิสติกส์กุญแจสู่ความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ (Logistics & Online Business)

โลจิสติกส์สำหรับธุรกิจออนไลน์           โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมากในยุคที่เทคโนโลยี disrupt ให้พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก และต้องมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ มีการใช้เทคโนโลยี และการจัดการโลจิสติกส์ ห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรให้สามารถเเข่งขัน หรืออยู่เหนือคู่แข่งทางธุรกิจ เพื่อเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอดีตและปัจจุบัน           อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ในยุคที่มี Technology มา disrupt ทำให้ธุรกิจออฟไลน์ เปลี่ยนมาลงทุนและแข่งขันบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น กลายเป็น ธุรกิจ E-Commerce ดังนั้นอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์จึงมีการพัฒนาตามไปด้วยอยู่เสมอ เมื่อตลาด E-Commerce เติบโตขึ้น ธุรกิจโลจิสติกส์ต่างแข่งขันกันพัฒนา ด้วยการเพิ่มบริการที่เข้าไปช่วยธุรกิจได้มากขึ้น ทั้งการนำข้อมูลด้านโลจิสติกส์และ supply chain เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาบริการ อาทิ การวางแผนเส้นทางการเดินรถ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านขนส่ง กระจายสินค้า การใช้ GPS การปรับราคาบริการเพื่อลดต้นทุนให้ธุรกิจได้มากที่สุด หรือจุดเด่นด้านการขนส่ง จึงเน้นความเร็วเป็นหลักอีกด้วย […]

Fast Dispatch Rate คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรสำหรับผู้ค้าบน TikTok Shop  

ท่ามกลางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากมาย TikTok Shop กำลังเป็นที่จับตามองและได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ด้วยจุดเด่นที่เชื่อมโยงการช้อปปิ้งเข้ากับคอนเทนต์วิดีโอสั้นได้อย่างลงตัว แต่การที่จะประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มนี้ได้นั้น ผู้ขายก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและตรงเวลา Fast Dispatch Rate หรือ FDR จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ TikTok Shop นำมาใช้วัดประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าของร้านค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ ที่จะช่วยผลักดันให้ร้านค้าเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกด้วย   Fast Dispatch Rate คืออะไร  Fast Dispatch Rate หรือเรียกย่อว่า FDR คือ SLA ตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าของร้านค้าบน TikTok Shop โดยคำนวณจากสัดส่วนของคำสั่งซื้อที่ร้านค้าสามารถจัดส่งให้กับบริษัทขนส่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เทียบกับจำนวนคำสั่งซื้อทั้งหมดในช่วง 30 วันที่ผ่านมา โดย TikTok Shop ได้กำหนดมาตรฐานการจัดส่งที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาที่ได้รับคำสั่งซื้อ เพื่อให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า  วิธีการคำนวณ Fast Dispatch Rate  การคำนวณ Fast Dispatch Rate นั้นไม่ซับซ้อน แต่ผู้ขายจำเป็นต้องเข้าใจหลักเกณฑ์การจัดส่งที่ถือว่า “เร็ว” ตามมาตรฐานของ […]

โลจิสติกส์กุญแจสู่ความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ (Logistics & Online Business)

โลจิสติกส์สำหรับธุรกิจออนไลน์           โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมากในยุคที่เทคโนโลยี disrupt ให้พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก และต้องมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ มีการใช้เทคโนโลยี และการจัดการโลจิสติกส์ ห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรให้สามารถเเข่งขัน หรืออยู่เหนือคู่แข่งทางธุรกิจ เพื่อเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอดีตและปัจจุบัน           อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ในยุคที่มี Technology มา disrupt ทำให้ธุรกิจออฟไลน์ เปลี่ยนมาลงทุนและแข่งขันบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น กลายเป็น ธุรกิจ E-Commerce ดังนั้นอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์จึงมีการพัฒนาตามไปด้วยอยู่เสมอ เมื่อตลาด E-Commerce เติบโตขึ้น ธุรกิจโลจิสติกส์ต่างแข่งขันกันพัฒนา ด้วยการเพิ่มบริการที่เข้าไปช่วยธุรกิจได้มากขึ้น ทั้งการนำข้อมูลด้านโลจิสติกส์และ supply chain เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาบริการ อาทิ การวางแผนเส้นทางการเดินรถ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านขนส่ง กระจายสินค้า การใช้ GPS การปรับราคาบริการเพื่อลดต้นทุนให้ธุรกิจได้มากที่สุด หรือจุดเด่นด้านการขนส่ง จึงเน้นความเร็วเป็นหลักอีกด้วย […]