Knowledge Center

การหยิบสินค้ามีกี่แบบ? FIFO, LIFO, FEFO แต่ละแบบต่างกันอย่างไร

เคยสงสัยกันไหมครับ แค่การหยิบสินค้าไปแพ็คส่งลูกค้า ต้องมีรูปแบบด้วยหรอ? ไปหาคำตอบกันได้เลยครับ!!

จริง ๆ แล้วทุกขั้นตอนของการบริการ fulfillment มีความสำคัญทั้งหมดเลยครับ แต่บางคนอาจจะให้ความสำคัญไปที่ขั้นตอนการเก็บ การเเพ็ค และส่งมากกว่า จนลืมไปว่าหากขั้นตอนการหยิบสินค้าก่อนแพ็คผิดผลาดก็อาจเกิดปัญหาในขั้นตอนถัด ๆ มาได้ครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ใน ขั้นตอนการหยิบสินค้า (Picking) ในคลังสินค้า ผมได้ยกตัวอย่างวิธีการหยิบสินค้า ที่คลังสินค้าต่าง ๆ มักใช้กันไปแล้วนะครับ blog นี้ผมจึงอยากให้ทุกคนรู้จักรูปแบบการหยิบสินค้ากันบ้างครับ 

การหยิบสินค้าแบบ FIFO, LIFO, และ FEFO

FIFO

FIFO หรือ First-In First-Out เหมาะกับร้านค้าที่ขายสินค้าที่มีวันหมดอายุเช่น เภสัชภัณฑ์ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงร้านค้าที่มีสินค้าหลายชนิด หรือสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน เปลี่ยนราคาอยู่บ่อย ๆ ซึ่งมีความหมายตรงตัวคือการหยิบสินค้าที่เก็บเข้าคลังก่อนออกไปก่อน เพื่อลดปัญหาสินค้าเสื่อมสภาพจากการเก็บเป็นเวลานานครับ

ประโยชน์ของการหยิบสินค้าแบบ FIFO

  • เป็นการเช็คคุณภาพของสินค้าที่จะส่งให้ลูกค้า ว่าสินค้าของคุณจะไม่หมดอายุก่อนที่จะส่งถึงมือลูกค้า และมั่นใจได้ว่าสินค้าที่คงอยู่ในคลังเป็นสินค้าใหม่
  • ช่วยให้การทำบัญชีง่ายขึ้น เพราะสามารถวัดมูลค่าของสินค้าคงคลัง หรือ มูลค่าผันแปรต่อเดือนได้ โดยคิดง่าย ๆ ครับว่า เงินที่ถูกหักออกไปจากสินค้าคงคลังผันแปรเท่ากับเงินที่เข้ามาในบัญชีรายรับ
  • ทำให้การเก็บและหยิบสินค้ามีระบบมากขึ้น และเป็นระบบที่ยอมรับอย่างกว้างขว้างโดยสากล

FEFO

FEFO หรือ First Expire date First Out หมายถึง สินค้าใดที่จะหมดอายุก่อน จ่ายออกไปก่อน เพื่อลดความผิดผลาดในการหยิบสินค้าหมดอายุส่งไปให้ลูกค้า และเป็นวิธีการจัดการที่ทำได้ง่ายและนิยมมากที่สุด โดยผู้หยิบสินค้าจะหยิบสินค้าไปแพ็คตามวันหมดอายุของสินค้าก่อนหลัง โดยไม่คำนึงถึงสต๊อกที่มาก่อนหรือมาหลัง ดังนั้นก่อนจัดเก็บสินค้าเข้าคลัง จำเป็นต้องมีการแยกวันที่ชัดเจน เพื่อความสะดวก และรวดเร็วครับ

ประโยชน์ของการหยิบสินค้าแบบ FEFO

  • ลดความเสียหายจากการหมดอายุของสินค้า
  • สามารถตรวจสอบอายุการเก็บรักษาของสินค้าที่เหลืออยู่ในคลัง และจัดการระบายสินค้าออกก่อนวันหมดอายุได้
  • เป็นการบริหารสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพและสามารถทำได้ง่าย

LIFO

LIFO หรือ Last In First Out เหมาะสำหรับสินค้าประเภทที่มีอายุจำกัด หรือพวกสารเคมี โดยมีหลักการหยิบคือ หยิบสินค้าที่เข้ามาล่าสุดเสมอ ตามหลักของระบบการเข้าหลังออกก่อน แม้ว่าจะทำได้ยากเนื่องจากต้องบันทึกข้อมูลสินค้าเยอะกว่า แต่ก็ยังเป็นที่นิยมเพราะ การหยิบและบริหารคลังสินค้าแบบ LIFO ช่วยอำนวยเรื่องกำไรและภาษีครับ

ประโยชน์ของการหยิบสินค้าแบบ LIFO

  • ทำให้คิดต้นทุนสินค้าได้ง่ายกว่า โดยต้นทุนสินค้ามีราคาใกล้กับราคาตลาดในปัจจุบันมากที่สุด เพราะเป็นสินค้าที่เข้ามาล่าสุด
  • เมื่อราคาของสินค้าในตลาดเพิ่มขึ้น ราคาของสินค้าจะกลายเป็นกำไรทันทีเมื่อขายออกไป
  • ใช้เพื่อลดกำไรสุทธิ เมื่อสินค้าที่เข้ามาล่าสุดออกไปก่อนดังนั้นเมื่อองค์กรมีอัตราภาษีสูงขึ้น จึงใช้การหยิบเเละบริหารคลังแบบ LIFO 

ความแตกต่างระหว่าง FIFO และ LIFO

จะเห็นได้ว่าแตกต่างจากวิธีแรกโดยสิ้นเชิงดังนั้น ผมจึงเปรียบเทียบระหว่าง การหยิบแบบ FIFO และ LIFO มาให้เข้าใจกันง่าย ๆ ตามนี้ครับ

  1. สำหรับ FIFO สต็อกในคลังคือสต็อกล็อตล่าสุด ส่วน LIFO สต็อคในคลังคือสต็อกที่เก่าที่สุด
  2. หากมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าในตลาด LIFO จะเเสดงต้นทุนของสินค้าที่ขาย เท่ากับราคาในตลาดปัจจุบัน
  3. สำหรับการคำนวณสินค้าคงคลัง FIFO จะสามารถวัดมูลค่าของสินค้าคงคลังได้

อย่างไรก็ตามการหยิบสินค้าเมื่อได้รับคำสั่งซื้อให้มีประสิทธิภาพนั้น ต้องอาศัยการเก็บที่เป็นระบบครับ ดังนั้นควรจัดเตรียมคลังสินค้าให้เป็นระเบียบ และวางตำแหน่งสินค้าให้ชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกในการหยิบสินค้าไปแพ็คส่งลูกค้า ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาในการหาสินค้าเมื่อได้รับออเดอร์จากลูกค้า

          สำหรับที่ MyCloudFulfillment เราใช้รูปแบบการหยิบแบบบาร์โค้ด ที่มีความแม่นยำและลดข้อผิดผลาดได้มากกว่า วิธีการหยิบของเรายืดหยุ่น โดยใช้การหยิบทั้งสามแบบ FIFO FEFO และ LIFO ตามความเหมาะสมของสินค้าประเภทต่าง ๆ หรือเลือกตามต้องการลูกค้าของเรา ซึ่งโดยปกติแล้วการหยิบสำหรับสินค้าทั่วไป เช่น เสื้อผ้า หรือของใช้ ที่ไม่มีวันหมดอายุชัดเจนเราจะใช้การหยิบแบบแบบ FIFO เป็นพื้นฐาน แต่สำหรับสินค้าที่มีวันหมดอายุชัดเจน เช่นพวก สกินแคร์ เครื่องสำเอง อาหารเสริม อาหารแห้งต่าง ๆ เราจะใช้การหยิบแบบ FEFO เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของสินค้าทุกชิ้น อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถระบุมาในระบบได้ว่าจะใช้ EXP.อะไรในระบบ ซึ่งเราเก็บได้ทั้ง Lot.และ Exp.ครับ

          สำหรับการหยิบแบบสุดท้ายคือ LIFO เหมาะกับการส่งเข้า ห้างฯ หรือร้านค้าปลีกอื่น ๆ ซึ่งต้องเอา Exp.หมดอายุอย่างต่ำ1ปี เราจึงมีระบบให้ลูกค้าสามารถระบุได้ขณะสร้างออเดอร์ส่งมาให้เราเพราะเราจัดการแบบยืดหยุ่น ตามความเหมาะสมแลความต้องการของลูกค้าเสมอ^^

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 02-138-9920
อีเมล: [email protected]
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

ขายของออนไลน์ที่ไหนดี? 8 เว็บไซต์ขายของออนไลน์นี้แหละ ที่คนขายจริงแนะนำต่อ! 

การขายของออนไลน์กลายเป็นช่องทางทำเงินที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น อาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกขายของผ่านแพลตฟอร์มไหนถึงจะเหมาะกับสินค้าและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะตอนนี้มีเว็บไซต์ขายของออนไลน์ให้เลือกใช้บริการหลากหลายจนเลือกไม่ถูก ในบทความนี้ MyCloud Fulfillment ผู้เชี่ยวชาญด้านคลังสินค้าและบริการ Fulfillment จะพาคุณไปรู้จักกับ 8 เว็บขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมเคล็ดลับและข้อดีที่คนขายจริงยืนยันว่าช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง ๆ มาดูกันเลยว่าแพลตฟอร์มไหนที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด! ขายของผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ดีอย่างไร? การเลือกขายของผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ E-commerce ต่าง ๆ นั้นมีข้อดีมากมายที่ช่วยให้การเริ่มต้นธุรกิจของคุณง่ายขึ้นและเติบโตได้เร็ว ดังนี้ 8 เว็บขายของออนไลน์ที่นิยมในไทย พอจะรู้ข้อดีของการขายของบนเว็บไซต์แล้ว หลายคนคงเริ่มสงสัยว่าขายของออนไลน์อะไรดี และจะขายบนเว็บขายของออนไลน์ไหนดี ไปดูกันเลย  1. Shopee Shopee ถือเป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์อันดับต้น ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งในกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขาย ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่มากที่สุดในไทย พร้อมกับโปรโมชั่นและแคมเปญการตลาดที่จัดเต็มตลอดปี ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบจัดการร้านค้าที่ใช้งานง่ายและรองรับสินค้าหลากหลายประเภท จึงเหมาะอย่างยิ่งทั้งสำหรับ Shopee Seller ที่เพิ่งเริ่มต้นและมืออาชีพที่ต้องการขยายตลาดออนไลน์  2. Lazada Lazada คืออีกหนึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในไทย ด้วยฟีเจอร์ LazMall สำหรับแบรนด์ทางการที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า รวมถึงระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งและเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการขายที่ครบครัน ช่วยให้ Lazada […]

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]

ขายของออนไลน์ที่ไหนดี? 8 เว็บไซต์ขายของออนไลน์นี้แหละ ที่คนขายจริงแนะนำต่อ! 

การขายของออนไลน์กลายเป็นช่องทางทำเงินที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น อาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกขายของผ่านแพลตฟอร์มไหนถึงจะเหมาะกับสินค้าและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะตอนนี้มีเว็บไซต์ขายของออนไลน์ให้เลือกใช้บริการหลากหลายจนเลือกไม่ถูก ในบทความนี้ MyCloud Fulfillment ผู้เชี่ยวชาญด้านคลังสินค้าและบริการ Fulfillment จะพาคุณไปรู้จักกับ 8 เว็บขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมเคล็ดลับและข้อดีที่คนขายจริงยืนยันว่าช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง ๆ มาดูกันเลยว่าแพลตฟอร์มไหนที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด! ขายของผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ดีอย่างไร? การเลือกขายของผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ E-commerce ต่าง ๆ นั้นมีข้อดีมากมายที่ช่วยให้การเริ่มต้นธุรกิจของคุณง่ายขึ้นและเติบโตได้เร็ว ดังนี้ 8 เว็บขายของออนไลน์ที่นิยมในไทย พอจะรู้ข้อดีของการขายของบนเว็บไซต์แล้ว หลายคนคงเริ่มสงสัยว่าขายของออนไลน์อะไรดี และจะขายบนเว็บขายของออนไลน์ไหนดี ไปดูกันเลย  1. Shopee Shopee ถือเป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์อันดับต้น ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งในกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขาย ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่มากที่สุดในไทย พร้อมกับโปรโมชั่นและแคมเปญการตลาดที่จัดเต็มตลอดปี ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบจัดการร้านค้าที่ใช้งานง่ายและรองรับสินค้าหลากหลายประเภท จึงเหมาะอย่างยิ่งทั้งสำหรับ Shopee Seller ที่เพิ่งเริ่มต้นและมืออาชีพที่ต้องการขยายตลาดออนไลน์  2. Lazada Lazada คืออีกหนึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในไทย ด้วยฟีเจอร์ LazMall สำหรับแบรนด์ทางการที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า รวมถึงระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งและเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการขายที่ครบครัน ช่วยให้ Lazada […]

เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรรู้! เปิดร้านขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง?

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมที่ผู้ประกอบการหลายคนเลือกเป็นช่องทางในการขายสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขายของใน Shopee มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ผู้ขายต้องจ่ายเมื่อเปิดร้านบน Shopee เพื่อให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจและคำนวณต้นทุนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแล้วมาดูกันว่าขายของใน Shopee เสียค่าอะไรบ้าง   ขายของใน shopee เสียค่าอะไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขายสินค้าบน Shopee ผู้ขายควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย เพื่อให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง   1. ค่าธรรมเนียมจากการขาย การขายของใน Shopee มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันตามประเภทของร้านค้าและหมวดหมู่สินค้า ซึ่งทางช้อปปี้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จากทั้ง Shopee Seller ที่ลงขายแบบ Mall Sellers และ Non-Mall Sellers นั้น ทางช้อปปี้จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อได้รับคำสั่งซื้อและจัดการคำสั่งซื้อจนเสร็จ ซึ่งจะเก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทของสินค้า ดังนี้ หมวดหมู่สินค้า Shopee Mall Seller (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) Non-Mall Seller(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ 9% – 11% 8% สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ […]