Knowledge Center

ขั้นตอนการหยิบสินค้า (Picking) ในคลังสินค้า ใครว่าไม่สำคัญ?

ขั้นตอนการหยิบสินค้า (Picking)

อย่าคิดว่าการหยิบสินค้า (Picking) ในคลังสินค้าไม่สำคัญ! เพราะทุกขั้นตอนตั้งแต่สินค้าเข้าคลัง จนสินค้าออกจากคลังเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการหยิบสินค้าที่ดีต้องคำนึงถึงความถูกต้องแม่นยำ ความปลอดภัยของสินค้า รวมทั้งต้องมีความระมัดระวังไม่ให้สินค้าเสียหายด้วย โดยจะช่วยลดเวลาเพื่อให้เราทำงานเร็วขึ้น  ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนวิธีการหยิบ ซึ่งเรามี 4 วิธีที่คนนิยมใช้บ่อย ๆ และอีก 1 วิธีที่ MyCloud ใช้ มาแนะนำครับ รับรองว่า มีประสิทธิภาพ ทำงานง่ายขึ้นแน่นอน 

การหยิบสินค้า (Picking) คืออะไร 

การหยิบสินค้า (Picking) คือหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญที่สุดในระบบคลังสินค้า โดยการเคลื่อนย้ายหรือหยิบสินค้าออกจากสถานที่จัดเก็บในคลังสินค้าตามคำสั่งซื้อ (Order) ของลูกค้า เพื่อรวบรวมและเตรียมพร้อมสำหรับการจัดส่งในขั้นตอนต่อไป ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการจัดการออเดอร์ เพื่อป้องกันส่งสินค้าผิดให้ลูกค้าปลายทาง เพิ่มความถูกต้องและรวดเร็วในการทำงาน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่ความพึงพอใจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจได้  

ขั้นตอนการหยิบสินค้า (Picking) ในคลังสินค้า มีอะไรบ้าง 

1. หยิบตามคำสั่งซื้อ (Discrete Picking)

หยิบตามคำสั่งซื้อ (Discrete Picking)

เป็นวิธีที่เบสิคและเข้าใจง่ายที่สุด! วิธีการคือ เมื่อมีออเดอร์เข้ามา ผู้หยิบจะเดินไปหยิบสินค้าตามรายการ ที่อยู่ในใบสั่งจนครบทุกออเดอร์ ถ้ามีคำสั่งซื้อใหม่ ก็ต้องเดินไปหยิบใหม่ เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก อาจทำให้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรครับ

2.หยิบเป็นโซน (Zone Picking)

หยิบเป็นโซน (Zone Picking)

เหมาะสำหรับคลังสินค้าที่มีหลายโซน เช่น โซนห้องเย็น, โซนชั้นวางมาตรฐาน โดยผู้หยิบจะถูกกำหนดให้หยิบเฉพาะโซนนั้น ๆ เมื่อคำสั่งสินค้าเข้ามาจะแบ่งออกตามโซน สินค้าจะถูกหยิบพร้อม ๆ กันในทุกโซนจนครบ อาจจะอาศัยสายพานในการช่วยลำเลียงสินค้า เพื่อส่งต่อไปยังขั้นตอนต่อไป

3. หยิบแบบคลื่น (Wave Picking)

หยิบแบบคลื่น (Wave Picking)

วิธีนี้จะคล้าย ๆ กับแบบแรกเลยครับ แต่ต่างกันที่แบบนี้จะกำหนดเวลาชัดเจน การหยิบสินค้าจะมีลักษณะเหมือนคลื่น หมายถึง คำสั่งซื้อจะเข้าตามช่วงเวลา เช่น ทุกชั่วโมง ทุกเช้า หรือทุกบ่าย ผู้หยิบจะหยิบตามออเดอร์ให้ครบทุกโซน จากนั้นจะมาคัดแยกแบ่งตามลูกค้าอีกครั้ง

4. หยิบเป็นชุด (Batch Picking)

หยิบเป็นชุด (Batch Picking)

ส่วนใหญ่ธุรกิจ E-Commerce ที่มีการสั่งบ่อย ๆ หรือออเดอร์เยอะ ๆ มักใช้วิธีนี้กัน เพราะเป็นการรวมออเดอร์หลาย ๆ อันไว้คราวเดียวกัน เช่น สั่งของชนิดเดียวกัน แต่แยกเป็น 10 ออเดอร์ ก็ไปหยิบมา 10 ออเดอร์ทีเดียว หยิบตามออเดอร์เท่านั้น จากนั้นก็นำไปคัดแยกให้แผนกแพ็กอีกครั้ง ถือว่าเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วมาก ๆ เลยครับ 

5. หยิบสินค้าแบบ MyCloud Fulfillment  

หยิบสินค้าแบบ MyCloud Fulfillment

ที่ MyCloud Fulfillment คลังสินค้าออนไลน์ เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับความถูกต้อง รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อให้ลูกค้าปลายทางที่รอสินค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด แทนที่จะให้พนักงานเดินหยิบทีละออเดอร์จนครบ MyCloud จะทำการรวบรวมคำสั่งซื้อที่มีรายการสินค้าเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันไว้เป็นชุด (Batch) เดียวกันโดยอัตโนมัติ จากนั้นพนักงานก็จะสามารถเดินไปหยิบสินค้าตามที่ระบบได้คำนวณเส้นทางเดินไว้ในสั้นและเร็วที่สุด ส่วนใหญ่แล้ววิธีการหยิบสินค้าแบบนี้ จะยิ่งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากมี 10 ออเดอร์ที่สั่งซื้อสินค้า A เหมือนกัน ระบบจะแจ้งให้พนักงานเดินไปที่ชั้นวางสินค้า A เพียงครั้งเดียวแล้วหยิบออกมา 10 ชิ้น และนำมาใส่ในรถ 50 ช่อง แล้วค่อยหยิบสินค้าลงในแต่ละช่อง ซึ่งเราจะแบ่งไว้เลยว่า 1 ช่องจะเท่ากับ 1 คำสั่งซื้อ หลังจากที่หยิบสินค้าครบทุกออเดอร์แล้ว เราจะนำสินค้าทั้งหมดที่หยิบมาในรอบนั้นไปที่จุดแพ็กสินค้า เพื่อแพ็กและส่งมอบให้แก่ขนส่งให้เร็วที่สุด ซึ่งระบบ WMS ก็จะเข้ามาช่วยตรวจสอบความถูกต้องในขั้นตอนนี้ด้วย MyCloud Fulfillment ไม่เพียงแต่ช่วยลดระยะเวลาการเดินของพนักงาน แต่ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาด ทำให้เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็วและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดการออเดอร์จำนวนมากในแต่ละวัน เพื่อให้ทันตามข้อตกลง SLA ที่แต่ละแพลตฟอร์มออนไลน์กำหนดไว้ และยังสอดรับเข้ากับนโยบายการจัดการออเดอร์ที่ร้านค้าจำเป็นต้องส่งสินค้าให้ทันภายในวันที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอีกด้วยครับ 

สรุปบทความ

เมื่อรู้วิธีการหยิบสินค้า (Picking) ในคลังสินค้ากันไปครบทั้ง 4 วิธีและอีกวิธีที่ MyCloud Fulfillment เลือกใช้กันแล้ว เพื่อน ๆ ก็นำไปปรับใช้ให้เหมาะสม กับขนาดธุรกิจของคุณได้เลย หรือหากใครต้องการผู้เชี่ยวชาญในการจัดการออเดอร์สินค้า MyCloudFulfillment ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ ทั้งเก็บ แพ็ก ส่ง หรือเรียกว่า บริการ Fulfillment ได้แบบครบวงจร 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

Big Data คืออะไร ขุมทรัพย์แห่งธุรกิจ E-Commerce & Logistics นำมาปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง

         ต่อเนื่องกันกับเทคโนโลยีที่จะสามารถเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่เราได้พูดถึงใน Technology & Trends ที่น่าลงทุนสำหรับธุรกิจ logistic ก็ยังมีอีกหลาย ๆ เทคโนโลยีที่ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มนำเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจมากขึ้นในปัจจุบันนี้ค่ะ เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาจัดการกับ “Big Data” วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก Big Data ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยีในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีมากมายมหาศาลในปัจจุบัน และความสำคัญของ Big Data ในธุรกิจ E-Commerce และ Logistics กันค่ะ อีกทั้ง Big Data ยังถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital Disruption หรือ ที่เรียกว่า Digital Transformation นั่นเองค่ะ  Big Data คืออะไร? Big Data คือข้อมูลตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ทางคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในรูปแบบสัญญาณไฟฟ้า ในด้าน E-Commerce และ Logistics ข้อมูลถูกสร้างขึ้นใหม่อยู่เสมอโดยเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น […]

WMS คืออะไร? ช่วยธุรกิจออนไลน์เพิ่มยอดขายได้จริงหรอ

ขายออนไลน์ทำไมถึงต้องใช้ระบบเข้ามาช่วย? เพราะว่าการจัดการคลังสินค้าไม่ใช่แค่เรื่องหลังบ้านอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสต็อกไม่เป็นระบบ ออเดอร์ตกหล่น หรือส่งสินค้าล่าช้า ลูกค้าอาจหันไปซื้อจากคู่แข่งได้ง่ายๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เจ้าแบรนด์ควรต้องทำความเข้าใจและรู้จักกับ WMS (Warehouse Management System) ระบบที่ช่วยจัดการคลังสินค้าให้เป็นระบบให้มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือนอกการใช้ระบบช่วยจัดการเรื่องคลังสินค้าแล้วนั้นจะมีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายได้ยังไง? MyCloud มีคำตอบมาให้ในบทความนี้ค่ะ WMS คืออะไร? Warehouse Management System หรือ ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยควบคุมและจัดการสต็อกสินค้าในคลังให้เป็นระบบ ตั้งแต่การรับเข้า (Inbound) การจัดเก็บ (Storage) การหยิบสินค้า (Picking) ไปจนถึงการแพ็กและส่งออก (Shipping) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความเร็วในการจัดส่งสินค้า ระบบจัดการคลังสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์ หลักๆแล้วหากเป็นธุรกิจออนไลน์ระบบจัดการคลังสินค้าก็จะทำงานร่วมกับระบบ OMS (Order Management System) เป็นสองระบบที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้กระบวนการจัดการออเดอร์มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย OMS จะทำหน้าที่จัดการคำสั่งซื้อที่เข้ามาจากหลากหลายช่องทาง เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, Line Shopping และเว็บไซต์ของร้านค้า จากนั้นระบบจะประมวลผลและส่งข้อมูลคำสั่งซื้อไปยังระบบจัดการคลังสินค้าเพื่อดำเนินการหยิบ แพ็ก […]

Big Data คืออะไร ขุมทรัพย์แห่งธุรกิจ E-Commerce & Logistics นำมาปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง

         ต่อเนื่องกันกับเทคโนโลยีที่จะสามารถเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่เราได้พูดถึงใน Technology & Trends ที่น่าลงทุนสำหรับธุรกิจ logistic ก็ยังมีอีกหลาย ๆ เทคโนโลยีที่ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มนำเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจมากขึ้นในปัจจุบันนี้ค่ะ เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาจัดการกับ “Big Data” วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก Big Data ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยีในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีมากมายมหาศาลในปัจจุบัน และความสำคัญของ Big Data ในธุรกิจ E-Commerce และ Logistics กันค่ะ อีกทั้ง Big Data ยังถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital Disruption หรือ ที่เรียกว่า Digital Transformation นั่นเองค่ะ  Big Data คืออะไร? Big Data คือข้อมูลตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ทางคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในรูปแบบสัญญาณไฟฟ้า ในด้าน E-Commerce และ Logistics ข้อมูลถูกสร้างขึ้นใหม่อยู่เสมอโดยเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น […]

WMS คืออะไร? ช่วยธุรกิจออนไลน์เพิ่มยอดขายได้จริงหรอ

ขายออนไลน์ทำไมถึงต้องใช้ระบบเข้ามาช่วย? เพราะว่าการจัดการคลังสินค้าไม่ใช่แค่เรื่องหลังบ้านอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสต็อกไม่เป็นระบบ ออเดอร์ตกหล่น หรือส่งสินค้าล่าช้า ลูกค้าอาจหันไปซื้อจากคู่แข่งได้ง่ายๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เจ้าแบรนด์ควรต้องทำความเข้าใจและรู้จักกับ WMS (Warehouse Management System) ระบบที่ช่วยจัดการคลังสินค้าให้เป็นระบบให้มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือนอกการใช้ระบบช่วยจัดการเรื่องคลังสินค้าแล้วนั้นจะมีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายได้ยังไง? MyCloud มีคำตอบมาให้ในบทความนี้ค่ะ WMS คืออะไร? Warehouse Management System หรือ ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยควบคุมและจัดการสต็อกสินค้าในคลังให้เป็นระบบ ตั้งแต่การรับเข้า (Inbound) การจัดเก็บ (Storage) การหยิบสินค้า (Picking) ไปจนถึงการแพ็กและส่งออก (Shipping) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความเร็วในการจัดส่งสินค้า ระบบจัดการคลังสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์ หลักๆแล้วหากเป็นธุรกิจออนไลน์ระบบจัดการคลังสินค้าก็จะทำงานร่วมกับระบบ OMS (Order Management System) เป็นสองระบบที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้กระบวนการจัดการออเดอร์มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย OMS จะทำหน้าที่จัดการคำสั่งซื้อที่เข้ามาจากหลากหลายช่องทาง เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, Line Shopping และเว็บไซต์ของร้านค้า จากนั้นระบบจะประมวลผลและส่งข้อมูลคำสั่งซื้อไปยังระบบจัดการคลังสินค้าเพื่อดำเนินการหยิบ แพ็ก […]