Knowledge Center

Save Ralph คืออะไร? เมื่อผู้บริโภคตื่นตัวมากขึ้น แบรนด์ควรรับมือยังไง?

  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีใครเห็น #saveralph กันบ้างไหมคะ หรือไม่ก็ต้องเห็นภาพเจ้ากระต่ายสีขาวที่ตาบอด 1 ข้างนี้ ใน Social media กันมาบ้าง ทราบหรือไม่คะว่าเกิดอะไรขึ้น และเรื่องนี้ส่งผลกับแบรนด์เครื่องสำอางทั่วโลกมากน้อยแค่ไหน MyCloud มีคำตอบค่ะ

          ปฎิเสธไม่ได้เลยนะคะว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคตื่นตัวและให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และสัตว์โลกมากขึ้น รวมถึงมีพฤติกรรมที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ หรือบริโภคอาหารที่เป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแบรนด์เองต้องตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะการเข้าถึงข้อมูลและเผยแพร่ข่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วบนช่องทางออนไลน์ ต่อให้เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงขนาดไหน ผู้บริโภคเองก็มีสิทธิที่จะไปเลือกซื้อแบรนด์ที่ตรงกับความต้องการมากกว่าอยู่ดี

Save ralph คืออะไร?

          แคมเปญที่เป็น Stop motion สั้น ๆ เพื่อรณรงค์เรื่องการยกเลิกการทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ โดย Humane Society International ซึ่งเลือกตัวละครหลักเป็นกระต่ายชื่อ “ราลฟ์” ที่มาเล้าถึงชีวิตของเขาและครอบครัวกระต่ายที่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากการทดลอง แต่มีสีหน้ายิ้มแย้มสดใสให้กล้องอยู่เสมอ เพราะเขาเชื่อว่าเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นการจิกกัดปนเศร้าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้เป็นอย่างดี เพราะในชีวิตจริงสัตว์เหล่านี้พูดไม่ได้ และไม่มีโอกาสได้เลือกชีวิตของตัวเองนั่นเองค่ะ

          ซึ่งเรื่องจริงของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ที่มีการทดลองกับสัตว์นั้นไม่เพียงแต่มีกระต่ายเท่านั้น แต่ยังมี หนู และบางครั้งมีสุนัขด้วยค่ะ โดยประเทศที่มีการผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ใช้สัตว์ทดลองมากที่สุดในโลกก็คือจีน ซึ่งถึงแม้จะดูเหมือนว่าเป็นการรณรงค์ทั่ว ๆ ไปแต่ครั้งนี้กระแส save ralph ก็ทำให้เกิด movement ต่าง ๆ ทั่วโลกนอกจากจะมีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว ยังเกิดไวรัลบน Social media อย่าง Twitter, Facebook หรือแม้แต่แพลตฟอร์มเพื่อความบันเทิงที่มาแรงที่สุดอย่าง Instagram และ Tiktok ก็ด้วยค่ะ

เมื่อผู้บริโภคตื่นตัวมากขึ้น แบรนด์ต้องปรับตัวอย่างไร?

          จากสถิติผู้บริโภคดิจิทัลมากกว่า 40% ใช้ social network เพื่อค้นคว้าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมองหารีวิวจากแพลตฟอร์ม Social media ต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงข่าวสาร หรือสื่อต่าง ๆ โดยตรง และกว่า 78% ของผู้บริโภคที่ร้องเรียน หรือออกมาโพสต์ถึงแบรนด์บน Twitter ก็มักจะได้รับการตอบกลับภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านั่นส่งผลต่อแบรนด์มากน้อยแค่ไหน เพราะอย่าลืมนะคะว่า เมื่อเราพูดถึง Social media ก็มีทั้งโอกาส และข้อควรระวังมากมายที่แบรนด์ต้องคำนึงถึง

          อย่าง Save ralph เองก็ทำให้ชาวเน็ตถามหาแบรนด์ที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์หรือ Cruelty Free และแบนผลิตภัณฑ์ที่มีการทารุณสัตว์กันมากขึ้น ซึ่งมีแบรนด์ดัง ๆ หลายแบรนด์เลยนะคะ ที่ถูกพูดถึง ซึ่งไม่ดีต่อตัวแบรนด์และย่อมกระทบถึงยอดขายได้แน่ ๆ ไม่ว่าเป็นแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ เพราะเมื่อผู้บริโภคตื่นตัวในการใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม และเพื่อสัตว์โลกมากขึ้น แบรนด์เองก็ต้อง Take Action และไม่นิ่งนอนใจที่จะแสดงจุดยืน รวมถึงหาทางออกที่ยั่งยืนที่สุด เพราะกระแสพวกนี้จะไม่มีวันหมดไป และในอนคตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก อาจมีแคมเปญใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกก็ได้ค่ะ ในยุคที่ทุกอย่างแพร่กระจายไปได้ทั่วโลกแบบไม่มีขอบเขต ง่ายและเร็วแบบนี้

         สัญลักษณ์ Cruelty Free เป็นสัญลักษณ์บนฉลาก หรือบนผลิตภัณฑ์ที่บ่งบอกให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสินค้านั้น ๆ ไม่มีการทดลองกับสัตว์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการรับรองจากโปรแกรม People for the Ethical Treatment of Animals (PETA) ซึ่งจริง ๆ ก็มีหลากหลายแบบ รวมถึงแบบที่แสดงถึงวัตถุดิบออแกนิคอีกด้วยดังรูปต่อไปนี้

Save ralph ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ

          หาก Save ralph เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามแล้ว นอกจากนี้การตระหนักของผู้บริโภคเรื่องการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการลดการทารุณกรรมสัตว์ยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างกว้างขวางอาทิเช่น อุตสาหกรรมอาหาร ที่เกิดเป็นเทรนด์ผู้บริโภคแบบใหม่ขึ้น ทำให้ยอดขายสินค้าออแกนิค หรือ fed free ที่เป็นการล่าสัตว์แบบไม่ใช่การลากอวนเพื่อเซฟชีวิตสัตว์น้ำอื่น ๆ เหล่านี้ก็มียอดขายดีเป็นอันดับหนึ่งบนแลตฟอร์ม E-Commerce ระดับโลกเช่นกัน สำหรับเทรนด์การบริโภคอย่างยั่งยืนนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นการบริโภคที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาบริโภคอาหารที่ยั่งยืน ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสัตว์ รวมถึงใส่ใจผลิตภัณฑ์ eco-friendly มากขึ้นนั่นเองค่ะ

          ในด้านของอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่เกิดเป็นกระแสช่วงหนึ่ง เนื่องจากผู้บริโภคได้แบนแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่มาจากแรงงานคน อย่างชาวอุยกูร์ ที่ถูกรัฐบาลจีนควบคุมอยู่ ทำให้เกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์รวมถึงแบ่งออกเป็นสองฝ่ายทั้ง ฝ่ายที่สนับสนุนและไม่สนับสนุน ทำให้ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ระดับโลกอย่าง H&M,Uniqlo หรือ Nike และ Adidas ได้อีกด้วย

          เมื่อผู้บริโภคจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันนั้น มีทัศนคติและพฤติกรรมรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาที่สูงขึ้น เพื่อบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ ถึงแม้ว่าจะหาซื้อได้ยากกว่าก็ตาม ดังนั้นนี่จึงเป็นความท้าท้ายที่ทุกธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง หรืออาหารต้องเผชิญ และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด การดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ตอบสนองความคิด พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าต่อไป

สนใจศึกษาและลงทะเบียนได้ที่ www.mycloudfulfillment.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 092-472-7742, 02-138-9920
อีเมล: [email protected]
line: @mycloudgroup
MyCloudFulfillment ขายของง่ายไม่ต้องแตะสต๊อก
บริการคลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ส่ง ครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพิ่มเติม

หากคุณคิดจะขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้จัก Marketplace ถือว่าผิด!!

Marketplace คืออะไร? Marketplace คือ พื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน โดยจะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ Offline Marketplace เช่น ตลาด ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และ Online Marketplace เช่น เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การตลาดออนไลน์เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ Online Marketplace เป็นที่นิยมมากขึ้นด้วย สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Online Marketplace กันดีกว่า เพราะหากคุณอยากประสบความสำเร็จในการขายของออนไลน์ การรู้จัก Marketplace อย่างถ่องแท้ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ Online Marketplace คือ แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายของบนโลกออนไลน์ ที่เป็นเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นกลางสำหรับการติดต่อซื้อขาย ที่รวบรวมสินค้า ร้านค้า บริษัทจำนวนมากไว้ด้วยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนห้างร้านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณอยากซื้ออะไร อยากขายอะไร ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ซึ่ง Marketplace ต่าง ๆ เหล่านั้นก็มีระบบที่ช่วยให้เราสะดวกสบายมากขึ้นในการซื้อ – […]

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในยุค Disruption ?

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจเติบโตในยุค Disruption ? ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และหัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายนั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย  ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน หรือที่เรียกว่าออฟไลน์นั้น จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน นี่จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ที่ระบบกลางเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายต่อไป แล้ว Omni Channel คืออะไร? Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า “Omni Channel” คือ ช่องทางการสื่อสารและบริการลูกค้าที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ เพื่อทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น ลูกค้าคือใครและสนใจสินค้าประเภทไหน ซึ่งปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Email Direct Marketing, Website, Social Media, และ Programmatic Display ส่วนช่องทางออฟไลน์ก็คือร้านค้าที่เห็นกันได้ทั่วไปนั่นเอง Omni Channel ช่วยร้านค้าอย่างไร? Omni […]

5 ข้อดีของการเปิดหน้าร้าน – MyCloudFulfillment

ในยุคที่ใครๆ ก็ขายของออนไลน์ การมีหน้าร้าน ยังจำเป็นอยู่ไหม? ถ้าเปิดแล้วจะช่วยให้ขายดีขึ้นหรือเปล่า? คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า… ลูกค้าจะมาจากหน้าร้านมากน้อยแค่ไหน? แล้วแบรนด์คุณจำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม? ถ้าจำเป็น… ก็เปิด ถ้ายังไม่จำเป็น… ก็อย่าเพิ่งเปิดครับ แต่ถ้าถามผมว่า มีหน้าร้านแล้วมันดีไหม? แน่นอนมันต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่แล้ว ถ้าตัดเรื่องค่าเช่าที่ หรือค่าจ้างพนักงานออกไป ก็มีข้อดีเยอะแยะเลยครับ เท่าที่ผมคิดออกมี 5 ข้อ ลองอ่านแล้วเอาไปตัดสินใจกันดูนะครับ 1.ลูกค้ากล้าซื้อ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของออฟไลน์ที่ร้านค้าออนไลน์ก็ยังทดแทนตรงนี้ไม่ได้การขายของแบบไม่เห็นหน้ากันมันจะมีความไม่สบายใจลูกค้าก็จะมีคำถามในใจว่า “จะโดนโกงไหมนะ” ฝั่งพ่อค้าแม่ค้าก็จะหงุดหงิดว่า “เมื่อไหร่จะโอน” แต่ถ้าเรามีหน้าร้าน ก็ตัดปัญหาตรงนี้ไปได้เลยครับลูกค้าจะรู้สึกว่า สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาเราจะไม่หนีหายไป เพราะเราสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้ทุกที่ทุกเวลา  2.ได้ลองสินค้าจริง ตัดสินใจซื้อง่าย ผู้บริโภคยังมีความคิดที่ว่า ไม่เห็นไม่ซื้อถึงแม้จะเห็นรูปสินค้าออนไลน์อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังต้องการประสบการณ์ตรงกับตัวสินค้า เช่น สัมผัส มองเห็น ดมกลิ่น ได้ทดลองสินค้าจริงๆ ถ้าคุณขายของประเภทเสื้อผ้า หรือความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว น้ำหอม ฯลฯ การเปิดหน้าร้านก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เร็วขึ้นด้วยนะครับ คุณอาจจะโปรโมทจากช่องทางออนไลน์ของร้านคุณว่ามีโปรโมชั่นนี้ที่หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านก็ได้ก็เป็นการเชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน 3.รู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า […]

หากคุณคิดจะขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้จัก Marketplace ถือว่าผิด!!

Marketplace คืออะไร? Marketplace คือ พื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน โดยจะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ Offline Marketplace เช่น ตลาด ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และ Online Marketplace เช่น เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การตลาดออนไลน์เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ Online Marketplace เป็นที่นิยมมากขึ้นด้วย สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Online Marketplace กันดีกว่า เพราะหากคุณอยากประสบความสำเร็จในการขายของออนไลน์ การรู้จัก Marketplace อย่างถ่องแท้ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ Online Marketplace คือ แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายของบนโลกออนไลน์ ที่เป็นเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นกลางสำหรับการติดต่อซื้อขาย ที่รวบรวมสินค้า ร้านค้า บริษัทจำนวนมากไว้ด้วยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนห้างร้านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณอยากซื้ออะไร อยากขายอะไร ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ซึ่ง Marketplace ต่าง ๆ เหล่านั้นก็มีระบบที่ช่วยให้เราสะดวกสบายมากขึ้นในการซื้อ – […]

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในยุค Disruption ?

Omni Channel คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจเติบโตในยุค Disruption ? ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าถือเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องงัดเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และหัวใจสำคัญที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายนั่นก็คือ การติดต่อสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังการให้บริการแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย  ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งออนไลน์ และการขายหน้าร้าน หรือที่เรียกว่าออฟไลน์นั้น จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน นี่จึงทำให้เกิดการตลาดแบบผสมผสานที่เรียกว่า Omni Channel Marketing ที่เป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ที่ระบบกลางเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายต่อไป แล้ว Omni Channel คืออะไร? Omni มาจากรากศัพท์ลาตินว่า Omnibus ซึ่งหมายถึง For All หรือ ทั้งหมด ในแง่ของ E-commerce คำว่า “Omni Channel” คือ ช่องทางการสื่อสารและบริการลูกค้าที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดเอาไว้ เพื่อทำให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น ลูกค้าคือใครและสนใจสินค้าประเภทไหน ซึ่งปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Email Direct Marketing, Website, Social Media, และ Programmatic Display ส่วนช่องทางออฟไลน์ก็คือร้านค้าที่เห็นกันได้ทั่วไปนั่นเอง Omni Channel ช่วยร้านค้าอย่างไร? Omni […]

5 ข้อดีของการเปิดหน้าร้าน – MyCloudFulfillment

ในยุคที่ใครๆ ก็ขายของออนไลน์ การมีหน้าร้าน ยังจำเป็นอยู่ไหม? ถ้าเปิดแล้วจะช่วยให้ขายดีขึ้นหรือเปล่า? คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า… ลูกค้าจะมาจากหน้าร้านมากน้อยแค่ไหน? แล้วแบรนด์คุณจำเป็นต้องมีหน้าร้านไหม? ถ้าจำเป็น… ก็เปิด ถ้ายังไม่จำเป็น… ก็อย่าเพิ่งเปิดครับ แต่ถ้าถามผมว่า มีหน้าร้านแล้วมันดีไหม? แน่นอนมันต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่แล้ว ถ้าตัดเรื่องค่าเช่าที่ หรือค่าจ้างพนักงานออกไป ก็มีข้อดีเยอะแยะเลยครับ เท่าที่ผมคิดออกมี 5 ข้อ ลองอ่านแล้วเอาไปตัดสินใจกันดูนะครับ 1.ลูกค้ากล้าซื้อ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของออฟไลน์ที่ร้านค้าออนไลน์ก็ยังทดแทนตรงนี้ไม่ได้การขายของแบบไม่เห็นหน้ากันมันจะมีความไม่สบายใจลูกค้าก็จะมีคำถามในใจว่า “จะโดนโกงไหมนะ” ฝั่งพ่อค้าแม่ค้าก็จะหงุดหงิดว่า “เมื่อไหร่จะโอน” แต่ถ้าเรามีหน้าร้าน ก็ตัดปัญหาตรงนี้ไปได้เลยครับลูกค้าจะรู้สึกว่า สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาเราจะไม่หนีหายไป เพราะเราสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้ทุกที่ทุกเวลา  2.ได้ลองสินค้าจริง ตัดสินใจซื้อง่าย ผู้บริโภคยังมีความคิดที่ว่า ไม่เห็นไม่ซื้อถึงแม้จะเห็นรูปสินค้าออนไลน์อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังต้องการประสบการณ์ตรงกับตัวสินค้า เช่น สัมผัส มองเห็น ดมกลิ่น ได้ทดลองสินค้าจริงๆ ถ้าคุณขายของประเภทเสื้อผ้า หรือความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว น้ำหอม ฯลฯ การเปิดหน้าร้านก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เร็วขึ้นด้วยนะครับ คุณอาจจะโปรโมทจากช่องทางออนไลน์ของร้านคุณว่ามีโปรโมชั่นนี้ที่หน้าร้าน เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านก็ได้ก็เป็นการเชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน 3.รู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า […]